เห็นเป็นเห็น_สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕

 
khampan.a
วันที่  1 ม.ค. 2565
หมายเลข  41861
อ่าน  989

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



" เห็นเป็นเห็น "

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕


~
ก่อนฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่รู้เลยว่าไม่รู้อะไร แต่เมื่อฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เริ่มรู้ว่า ไม่รู้อะไรเลย ทั้งหมด

~ บังคับบัญชาอะไรไม่ได้ อะไรจะเกิด ก็มีเหตุที่จะต้องเกิด

~ ต้องเป็นผู้ที่ตรงที่สุดต่อความจริง ขณะนี้ทุกคนอยู่ในโลกของความที่มีสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ

~ ประโยชน์ที่สุดของการฟังธรรม เมื่อเข้าใจแล้วสามารถที่จะระลึกได้ จำได้ ว่า ความจริงคืออะไร? ถ้าไม่เคยฟังธรรมเลย จะไม่มีการรู้ได้เลยว่าความจริงคืออะไร?

~ จะเห็นได้ว่า ถ้ามีความเข้าใจธรรมเมื่อไหร่ ความเข้าใจไม่เคยนำทุกข์มาให้เลย

~ กำลังฟังเพื่อให้เข้าใจ ตามความเป็นจริง เพื่อที่จะมั่นคง ตรงต่อความเป็นจริง จะรู้ความจริง ต้องเป็นการรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะไม่ได้คิดเอง แต่กำลังปรากฏให้ได้รู้ความจริง

~ ถ้าไม่ตรงต่อความเป็นจริงอย่างมั่นคง ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ได้เลย

~ ทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแล้ว ๔๕ พรรษา เพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น เราจะไม่พูดถึงเรื่องอื่น แต่พูดถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เท่านั้น เพื่อไม่คิดถึงสิ่งอื่น แต่เพื่อเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ถ้ามีความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เพิ่มขึ้นๆ จะสามารถรู้ความจริงของสิ่งที่จะเกิดขึ้นที่จะมีขึ้นต่อไปข้างหน้าได้

~ ความรู้ความเข้าใจธรรมเดี๋ยวนี้ เล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับความไม่รู้และความติดข้องในสังสารวัฏฏ์และทุกวันนี้

~ แค่ฟังเข้าใจบ้างว่าไม่มีอะไรเลยนอกจากสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ความจำว่า “มี” นานมากในสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้น เป็นสิ่งที่ยากที่จะเข้าถึงความเข้าใจที่มั่นคงว่า “ไม่มีอะไร” นอกจากสิ่งที่กำลังปรากฏเท่านั้น

~ ถ้าไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้จริงๆ ชื่อว่า ไม่เข้าใจธรรม

~ การเข้าใจธรรมต้องละเอียดมาก ไม่ใช่เริ่มจากธรรมะคืออะไร หมายความว่าอะไร แล้วไปหาธรรม แต่ต้องเริ่มจากการที่ไตร่ตรองคิดว่าเดี๋ยวนี้มีอะไร สิ่งนี้มีจริงๆ กำลังปรากฏหรือเปล่า ไม่ต้องเรียกสิ่งนั้นว่าธรรมหรืออะไรทั้งสิ้น สิ่งนี้ ก็มี ใช่ไหม?

~ การเริ่มเข้าใจธรรม ไม่ใช่เริ่มเข้าใจคำ แต่หมายความว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ จะเรียกอะไรหรือไม่เรียกอะไร ก็ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้ไม่มีได้ ถ้าไม่มีชื่อไม่มีอะไรที่จะเรียกก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเรียก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า ธรรม หมายความถึงสิ่งที่มีจริงจริง เพราะฉะนั้น ไม่เคยขาดธรรมเลยตั้งแต่เกิดจนตาย มีสิ่งที่ปรากฏตลอด ไม่ว่าเห็น หรือได้ยิน หรือคิด หรือจำ

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงธรรมเพื่อให้คนจำชื่อว่าชื่ออะไร ตอบตามชื่อ แต่พระองค์ทรงแสดงว่าสิ่งนี้ที่พระองค์ใช้คำนี้หมายความถึงสิ่งที่มีจริงแน่นอน แต่ว่าความจริงของสิ่งนั้น ไม่ต้องเรียกชื่อเลย ก็เปลี่ยนลักษณะที่แท้จริงของสิ่งนั้น ไม่ได้ จะเรียกอะไรก็ได้แต่เปลี่ยนลักษณะของความจริงของสิ่งนั้น ไม่ได้

~ ต้องไม่ลืมว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ไม่ได้หมายความว่า พูดให้จำชื่อ แต่ให้รู้ความจริงของสิ่งที่มีตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจนตายทุกอย่าง ว่าเป็นอะไร แต่ละหนึ่งๆ มิฉะนั้น จะไม่มีทางที่จะรู้ความจริงเลย เพราะมัวแต่จำชื่อและตอบตามชื่อ

~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าใจถูกต้อง ว่า พระองค์กล่าวถึงความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เพื่อเข้าใจถูกต้อง

~ ตลอดชีวิต มีสิ่งที่มีจริงซึ่งไม่เคยคิดเลย แต่การที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เห็นประโยชน์ว่าสิ่งที่มีจริงตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่เคยรู้ความจริง แต่มีผู้ที่ตรัสรู้และทรงแสดงให้คิดให้ไตร่ตรองให้เข้าใจถูกต้อง

~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อที่จะเห็นความจริงที่ลึกซึ้ง และรู้ความจริงว่ายากที่จะรู้ได้แต่สามารถรู้ได้ โดยเริ่มฟังเริ่มรู้ความจริงว่าไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ความจริงนั้น เป็นความจริงที่มีจริงๆ ทุกขณะที่เมื่อฟังแล้วสามารถค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ ถ้าไม่เห็นความลึกซึ้งของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

~ มีใครบอกความจริงก่อนบ้างไหมว่า เห็นเดี๋ยวนี้ต้องเกิด ไม่เกิด ไม่มีเห็น?

~ ใครทำให้เห็นเกิดได้ไหม? เห็นเกิดเป็นเห็น เป็นอย่างอื่นได้ไหม? เพราะฉะนั้น เห็นเกิดขึ้นเห็น ไม่มีเรา ไม่มีใคร ไม่มีอะไรที่เห็น นอกจากเห็น เกิดขึ้นเห็น

~ ต้องมั่นคงอย่างยิ่ง เห็นเป็นเห็น ไม่ใช่เราเห็น เห็นต้องเกิดด้วย ถ้าไม่เกิด ก็ไม่มีเห็น

~ ความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ต้องมั่นคงจริงๆ เห็นเป็นเห็น เกิดขึ้นเห็น เป็นสภาพที่รู้ว่ามีสิ่งที่กำลังถูกเห็น

~ เสียงไม่ใช่ได้ยิน เพราะเสียงไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ใช่ไหม? ได้ยินเป็นสภาพที่เกิดขึ้นรู้ เพราะฉะนั้นมีสิ่งที่มีจริง คือ สิ่งหนึ่งเกิดขึ้นต้องรู้ (นามธรรม – จิตกับเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) อีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ก็รู้อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น (รูปธรรม)

~ มั่นคงต่อความจริง เห็นไม่ใช่ได้ยิน เห็นไม่ใช่ใครทั้งสิ้น ไม่ใช่นก ไม่ใช่คน เห็นเป็นเห็น จริงไหม?

~ ตั้งแต่เกิดจนตายมีคุณอาคิล ไหม? ต้องไม่ลืม นี่เป็นสัจจะ นี่เป็นความจริงที่มั่นคง เป็นอธิษฐาน (มั่นคง) จึงสามารถที่จะละความเป็นเราซึ่งไม่รู้ความจริงว่าเห็นเกิดขึ้นเป็นสภาพที่เห็น รู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่มีเราที่เห็น

~ เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้นเห็น ไม่ใช่ได้ยิน ไม่ใช่ได้กลิ่น ไม่ใช่คิดนึก เกิดขึ้นเห็นเท่านั้น เพราะฉะนั้นเห็นจะเป็นเรา จะเป็นเขา จะเป็นคน จะเป็นนกจะเป็นแมว ไม่ได้ นี่คือความมั่นคงเห็นต้องเป็นเห็นเท่านั้น ไม่มีเราเห็น ไม่ใช่เราเห็น

~ มั่นคงไหมว่าไม่มีเรา ไม่มีอะไรนอกจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเห็น เกิดขึ้นได้ยิน เกิดขึ้นคิด เกิดขึ้นจำทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต่างๆ เพราะเหตุปัจจัยต่างๆ

~ เห็น คือ ขณะที่รู้ว่ามีสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น จะไม่รู้ไม่ได้ จะไม่เห็นไม่ได้ เพราะมีธรรมที่ทำให้เกิดขึ้นแล้วเห็น เปลี่ยนไม่ได้เลย

~ ไม่ให้เห็นเกิดขึ้นได้ไหม? เห็นมีจริง เกิดแล้ว ใช่ไหม? ใครจะไม่ให้เห็นเกิดขึ้นไม่ได้เลย เพราะเห็นมีจริงเกิดแล้ว เกิดแล้วจะไม่เห็นก็ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเห็น จะไม่เป็นอย่างอื่น

~ ธรรมไม่ใช่สำหรับเพียงฟังแล้วคิดว่าเข้าใจแล้ว แต่หมายความถึงถ้าเข้าใจจริงๆ มั่นคงจริงๆ สามารถที่จะระลึกได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ว่าขณะนั้นเป็นลักษณะของสิ่งที่มีจริง อย่างหนึ่ง

~ สิ่งที่มี เป็นสิ่งที่เกิดแล้ว ไม่มีใครทำให้เกิด ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่ใคร

~ ถ้าไม่ตั้งต้นด้วยความมั่นคงว่าสิ่งที่จะต้องเข้าใจลึกซึ้ง เพราะกำลังปรากฏก็ไม่รู้ความจริง ถ้าไม่สนใจตรงนี้จะไม่มีการรู้ความลึกซึ้งของธรรมะ

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ทำให้ละ ไม่ใช่ติดข้อง ละความไม่รู้ละอกุศลทั้งหลายซึ่งเกิดจากความไม่รู้และเดี๋ยวนี้อกุศลมีก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น ชื่อว่าเข้าใจคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงหรือยัง?

~ ต้องรู้ประโยชน์จริงๆ ของการฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เพื่อเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ทุกขณะที่มี ที่ปรากฏ


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 1 ม.ค. 2565

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Sea
วันที่ 1 ม.ค. 2565

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 1 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 2 ม.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 2 ม.ค. 2565

ขอบพระคุณ และยินดียิ่งในคุณความดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปทุม
วันที่ 2 ม.ค. 2565

กราบขออนุโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 3 ม.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ