ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๗

 
khampan.a
วันที่  5 ธ.ค. 2564
หมายเลข  41647
อ่าน  1,082

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๗
* *


~ ไม่ลืมว่า พระพุทธศาสนา เป็นเรื่อง ละ คำนี้ทิ้งไม่ได้เลย จะเป็นทางที่จะกันเราออกจากความเห็นผิด หนทางผิดทั้งหมด


~ ทุกอย่างก็คือธรรมทุกวัน ฟังเมื่อไหร่ ก็คือ ธรรมทุกวัน เป็นชีวิตจริงๆ ทุกขณะ เป็นธรรมทั้งหมด ถ้าโกรธ กำลังโกรธ เป็นธรรมหรือเปล่า? เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย ขณะใดที่โกรธ ขณะนั้น ก็เป็นธรรม ที่จะต้องรู้ว่าไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง

~ การศึกษาธรรม เราไม่ลืมว่า ธรรมคืออะไร ธรรมคือสภาพที่มีจริงๆ จะเรียกชื่ออะไร หรือไม่เรียกชื่ออะไร ธรรมก็เป็นอย่างนั้น เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อย่างเช่น ความโกรธ ให้เปลี่ยนเป็นความเมตตาก็ไม่ได้ ความเมตตาก็คือเมตตา ความไม่รู้จะเป็นปัญญาก็ไม่ได้ ปัญญาก็เป็นปัญญา ความไม่รู้ก็เป็นความไม่รู้

~ ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นอกุศลจิตไม่เกิด แต่ข้างหน้าก็เกิดอีก เพราะว่าไม่ได้ดับกิเลส ตราบใดที่ยังมีกิเลส ขณะที่กุศลจิตเกิด ไม่ใช่อกุศล แต่หลังจากนั้นอกุศลจิตก็เกิดอีกได้

~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาทจริงๆ ต้องเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น ก็จะมีคำหลายคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงในพระไตรปิฎก ๔๕ พรรษา อุปการะให้ประคับประคองชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ในทางที่ดี

~ อีกไม่นานก็ตายแล้ว แต่ก่อนจะตาย ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าตลอดชีวิตมา มีอะไรบ้าง สิ่งนั้นเที่ยงหรือเปล่า? ยังมีอยู่หรือเปล่า? เมื่อวานนี้หมดไปแล้ว กลับมาได้ไหม? วันนี้ขณะนี้ก็กำลังหมดไปๆ ใกล้ที่จะถึงวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้น พรุ่งนี้ก็ไม่ใช่วันนี้ สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะมีในวันพรุ่งนี้ และก็ไม่ใช่สิ่งที่มีแล้ววันก่อน จริงหรือเปล่า?

~ การที่แต่ละคนเข้าใจพระธรรม เป็นทางเดียวที่จะดำรงคำสอนของพระพุทธศาสนาไว้ได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมเลย แล้วจะกล่าวว่า จะรักษาพระพุทธศาสนา จะรักษาอย่างไร เพราะเหตุว่า ใครก็ตามที่เข้าใจพระธรรม พระศาสนาดำรงอยู่ เพราะยังมีผู้ที่เข้าใจ แต่เมื่อใดที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจ พระศาสนาดำรงอยู่ได้ไหม? พระศาสนาก็อันตรธาน (สูญสิ้น) ไปจากคนที่ไม่เข้าใจ แต่ละคนๆ จนไม่เหลือ

~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะไม่ละเลยในการฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าหนทางเดียวที่จะรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ฟังแล้วก็มีความเข้าใจว่า ทั้งหมดมาจากการที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ซึ่งลึกซึ้งละเอียดอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ฟังพระธรรม ก็พูดคำที่ไม่รู้จัก ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งสิ้น

~ คิดว่าทำร้ายคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนทำร้ายคนอื่น ทำร้ายตนเองแล้ว ถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้ จะดีขึ้นไหม จะไม่ทำร้ายใคร เพราะว่าการทำร้าย เกิดขึ้นจากจิตของเราที่เลวต่างหาก เพราะจิตเลว จึงสามารถทำสิ่งที่เลวได้ เพราะฉะนั้น โลกจะสงบขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น ประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น

~ คนที่หมดกิเลส เป็นโทษกับใครหรือเปล่า? ไม่เป็น คนที่ยังไม่หมดกิเลส แต่เริ่มรู้จักกิเลส เป็นโทษกับใครหรือเปล่า? ก็ไม่เป็น เพราะฉะนั้น ก็รู้อยู่แล้ว พระธรรม สูงสุด มีค่ามาก ทำไมไม่เริ่มศึกษาให้ถูกต้องให้ตรง ไม่ใช่ไปคิดเอง?

~ สิ่งที่ประเสริฐเหนือสิ่งอื่นใด คือ ปัญญา ความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะให้ได้เลย นอกจากอาศัยคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ก็เริ่ม ด้วยการที่ศึกษาธรรมทีละคำ ทีละคำจริงๆ อย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะว่า จะต้องเข้าใจแต่ละคำให้ถูกต้อง

~ เวลาที่โกรธ บางคนก็หมดไปโดยง่าย แต่ว่าบางคนก็ยังผูกโกรธ คือความโกรธนั้น รัดรึงใจไว้บ่อยๆ เดี๋ยวนึกขึ้นมา ก็โกรธอีกแล้ว เดี๋ยวก็โกรธ ทำไมเรื่องนั้นนิดเดียว แต่โกรธต่อไปอีกได้ตั้งนาน นั่นเป็นความผูกโกรธ

~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือ คุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน

~ ที่ใช้คำว่า ธรรม ก็แสดงอยู่แล้วว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นธรรม เพราะฉะนั้น เพียงศัพท์หรือเพียงคำที่ได้ยินคำเดียวว่า ธรรม ก็จะต้องเข้าถึงความหมายของธรรม คือ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

~ การเกิดมา มีทรัพย์สมบัติ สูญหายเมื่อไหร่ก็ได้ มีรูปสมบัติ ก็ต้องแก่ชรา มีอุบัติเหตุหรืออะไรก็ได้ที่ทำลายให้สูญไปก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดไม่พ้นจากความดีและการเข้าใจพระธรรม เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นอกุศลคือสิ่งที่ไม่ดี จะเข้าใจได้อย่างไร?

~ เกิดมาแล้วก็ตายไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่า ความติดข้องในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่เป็นความเข้าใจ ยามยาก ยามลำบาก ยามทุกข์ใจ ลาภช่วยได้ไหม? ยศ สรรเสริญ สุข ช่วยได้ไหม? ก็ไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรม ไม่ว่าจะกำลังเป็นทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยหรือว่าได้รับภัยพิบัติต่างๆ ขณะนั้นปัญญาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์เลย เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนั้นได้ จนถึงที่สุดว่า ทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย ทั้งหมดก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

~ ต้องตายทุกคน เพราะฉะนั้น จะฉลาดในการก่อนตาย คือ หมายความว่า ถ้าก่อนตาย ดี ตายแล้ว ผลดี ก็ต้องเกิดขึ้น หรือว่า ชาตินี้ดูดีๆ ละเอียดๆ แล้ว แย่มาก หรือเปล่า? อกุศลทุกวันและก็มีทั้งอย่างน้อยบ้าง มากบ้าง ทับถมมาเรื่อยๆ แล้วจะเป็นอย่างไร มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างหลังนั้น ก็คือว่า ไม่ได้พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย

~ ชีวิตประจำวัน แม้แต่กาย วาจา ก็เป็นเครื่องที่ส่องถึงกิเลสและสิ่งที่สะสมมาได้ วันนี้พูดกับใครบ้าง? พูดเรื่องอะไร? พูดดีไหม? เห็นไหม แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า กิเลสยังมากอยู่แค่ไหน เพราะฉะนั้น เรามักจะหวังผล ไม่มีกิเลส หมดกิเลส แต่ไม่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วกิเลสมีกำลังแค่ไหน เกิดอยู่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน โอกาสที่จะไม่มีกิเลส คือ ขณะที่เข้าใจธรรม และขณะนั้นเป็นกุศลที่มีปัจจัยจากการเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น



* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๕๓๖




...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 5 ธ.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Jans
วันที่ 5 ธ.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ธ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มังกรทอง
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะไม่ละเลยในการฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าหนทางเดียวที่จะรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ฟังแล้วก็มีความเข้าใจว่า ทั้งหมดมาจากการที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ซึ่งลึกซึ้งละเอียดอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ฟังพระธรรม ก็พูดคำที่ไม่รู้จัก ตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งสิ้น

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เจียมจิต สุขอินทร์
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Lai
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Kalaya
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sea
วันที่ 6 ธ.ค. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 7 ธ.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kukeart
วันที่ 7 ธ.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มังกรทอง
วันที่ 21 ธ.ค. 2564

ทุกอย่างก็คือธรรมทุกวัน ฟังเมื่อไหร่ ก็คือ ธรรมทุกวัน เป็นชีวิตจริงๆ ทุกขณะ เป็นธรรมทั้งหมด ถ้าโกรธ กำลังโกรธ เป็นธรรมหรือเปล่า? เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหนเลย ขณะใดที่โกรธ ขณะนั้น ก็เป็นธรรม ที่จะต้องรู้ว่าไม่ใช่เรา เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ