ก่อนที่เราจะเจริญสติปัฏฐาน

 
kchat
วันที่  20 พ.ค. 2550
หมายเลข  3756
อ่าน  1,134

ก่อนที่เราจะเจริญสติปัฏฐาน เราจะต้องศึกษาพระอภิธรรมมากน้อยแค่ไหนคะ?

จริงแล้วการศึกษาธรรมะคงไม่ลืม “เพื่อเข้าใจ” ทุกคำละเอียด แต่ไม่ได้หมายความว่าพอได้ยินแล้วก็รู้แล้ว แม้แต่คำว่า “สติ” นี้รู้หรือเปล่า หรือพอได้ยินใครบอกว่า “สติปัฏฐาน” ก็อยากจะปฏิบัติ แล้วก็คิดว่าจะปฏิบัติได้เพียงบอกมาเถอะว่าจะให้ทำอย่างไร ซึ่งนั่นไม่ถูกต้องนะคะ เพราะว่าพระธรรมที่ทรงแสดงนี้ จากความไม่รู้ของผู้ฟังแล้วค่อยๆ รู้ ค่อยๆ เข้าใจ นี่คือจุดประสงค์ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องทำสติหรือสติปัฏฐาน ทำอย่างไร แต่เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริง ตั้งแต่เกิดจนตายไม่เคยรู้ความจริง เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมนี้ตั้งแต่ต้นจนแม้กระทั่งเป็นสติปัฏฐาน จนแม้จะเป็นวิปัสสนา จนแม้การแจ้งอริยสัจธรรม ก็คือความเข้าใจถูกความเห็นถูก เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีความเข้าใจถูก มั่นคงตามลำดับ แล้วได้ยินคำว่า "สติปัฏฐาน" ก็หลงทาง เพราะคิดว่าจะต้องไปทำ หรือว่าทำแล้วปัญญาจะเกิด แต่จริงๆ แล้วทั้งหมดของพระธรรม "เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูก เห็นถูกตามลำดับขั้น ในสิ่งซึ่งกำลังปรากฏ" เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปห้ามว่าใครจะพูดเรื่องสติปัฏฐาน แล้วก็มีการเชิญชวนให้มีการปฏิบัติ แล้วก็คิดว่าอย่างนั้นเป็นสติ อย่างนี้เป็นสติ อย่างนี้เป็นกาย ต้องรู้ที่กาย อย่างนี้เป็นความรู้สึกต้องรู้ที่ความรู้สึก นั่นไม่ใช่ความเข้าใจถูก ความเข้าใจถูกก็คือว่า แม้แต่คำว่า “ธรรมะ” คือ สิ่งที่มีจริง คือ ขณะนี้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการฟังธรรมะ มีการเข้าใจ หรือว่าเริ่มมีความเข้าใจมั่นคงไหมว่า สิ่งที่กำลังปรากฏนี้แหละ เป็นสิ่งซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ทรงแสดงความจริง เพื่อที่จะให้คนอื่นค่อยๆ มีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก จนประจักษ์แจ้งความจริงได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของความเข้าใจถูก คือปัญญาตั้งแต่ต้น แล้วปัญญาก็มีหนทางของปัญญาที่จะค่อยๆ เจริญจนสามารถที่จะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมได้ เพราะฉะนั้น ยังคงไม่ต้องไปถึงสติปัฏฐาน ขณะนี้เข้าใจหรือเปล่าว่าเป็น “ธรรมะ” ฟังเข้าใจแต่ตัวธรรมะกำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไปกล่าวชื่อต่างๆ เช่น อายตนะ หรือธาตุหรือขันธ์ หรือปฏิจจสมุปปาท หรืออะไรก็ตาม แต่ไม่รู้ว่าขณะนี้ เป็นธรรมะแล้ว ที่เราจะมีความเห็นถูกในสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน เพราะว่าเป็นสิ่งที่มีจริงกำลังปรากฏ แล้วไม่เคยรู้ว่าไม่ใช่ตัวตน ลองคิดดูนะคะ กว่าความเป็นเราจะค่อยๆ จาง จนกระทั่งเห็นประโยชน์ของการเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ด้วยสติสัมปชัญญะแม้เพียงขณะเดียว เราจะเห็นคุณมหาศาลว่าถ้าไม่มีขณะนี้แล้ว จะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ก่อนอื่นก็คือว่า มีธรรมะกำลังปรากฏ ฟังแล้วฟังอีกเพื่อค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ เห็นถูก จนกว่าสติสัมปชัญญะจะเกิดแล้วจะรู้ตัวธรรมะ ซึ่งความจริงก็เกิดดับเร็วมาก แต่ไม่ต้องไปคำนึงถึงว่า จะเกิดดับเร็ว เพราะว่าเมื่อไม่ประจักษ์ว่าเกิดดับ ก็ต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจลักษณะซึ่งต่างกันเป็นแต่ละลักษณะ จนกระทั่งค่อยๆ คลายที่เคยเข้าใจว่าเป็นเรา เป็นตัวตน ด้วยปัญญ า ซึ่งจะเห็น ความแตกต่างกันของสติขั้นฟังกับสติที่รู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏไม่ใช่เพียงแต่ชื่อค่ะ

จาก การสนทนา ... โกสลสูตร ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 382

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๐

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

การเจริญสติปัฏฐาน ๔ [โกสลสูตร]


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 23 พ.ค. 2550

ก่อนที่เราจะเจริญสติปัฏฐานเราต้องมีความเห็นถูก และเห็นประโยชน์ของการละคลายตัวตน เพราะถ้าเรายิ่งมีตัวตนลดลง กิเลสก็ลดไปด้วย ที่เราแสวงหากามคุณก็เพื่อตัวตน เพื่อตัวเรา เราจึงต้องศึกษาธรรมเพื่อขัดเกลากิเลสค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ