สติเกิด

 
caravanboy
วันที่  10 พ.ค. 2550
หมายเลข  3672
อ่าน  946

ในขณะที่ยังไม่สามารถรู้แจ้งแทงตลอดของพระธรรม แต่ก็ได้ฟังพระธรรมอย่างต่อเนื่องแต่สติก็ยังไม่เกิดในทันทีทันใด ได้แต่ตามรู้หลังจากเกิดสภาพธรรมะแล้ว ถามว่าในขณะนี้จะระลึกรู้สภาพธรรมะได้อย่างไร โดยการฝึกระลึกรู้สภาพธรรมะในชีวิตประจำวันเปรียบเหมือนนักกีฬาที่ต้องลงทำการแข่งขันต้องมีการซ้อมให้มีการชำนิชำนาญครับ


  ความคิดเห็นที่ 3  
 
study
วันที่ 11 พ.ค. 2550

ขอเพิ่มเติมเรื่องการฝึกสติ

การอบรมความเข้าใจในลักษณะสภาพธรรมให้มากยิ่งขึ้น เกิดจากการฟังจนเข้าใจอย่างมั่นคงในสภาพธรรมว่าเป็นเพียงสภาพธรรมเท่านั้น การฝึกก็ในลักษณะนั้นเช่นกัน เพราะเข้าใจว่าแต่ละอย่างที่กำลังปรากฏ เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น ขณะที่ฟังเข้าใจขณะนั้นมีสติเกิดร่วมด้วย เมื่อเข้าใจมากยิ่งขึ้นเท่ากับการอบรมสติให้มีกำลังและชำนาญยิ่งขึ้น ฉะนั้น การฝึกในที่นี้มิได้หมายความว่าไปทำอย่างอื่น แต่การค่อยๆ รู้ ค่อยๆ เข้าใจในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการฝึกด้วยสติ และสัมปชัญญะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 11 พ.ค. 2550

อาศัยการฟังธรรม การเจริญกุศลทุกอย่าง การคบหากับพระธรรมบ่อยๆ คือ การอ่าน การฟัง และสัญญาความจำที่มั่นคงในสภาพธรรมะว่า เป็นธรรมะอย่างหนึ่งที่ปรากฏแต่ละทาง เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตาดับไปแล้ว สติระลึกคิดนึกว่าเป็นธรรมะที่มีจริง เป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ไม่ใช่เรา เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วดับไปค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 11 พ.ค. 2550

ในขณะที่ยังไม่สามารถรู้แจ้งแทงตลอดของพระธรรม แต่ก็ได้ฟังพระธรรมอย่างต่อเนื่อง แต่สติก็ยังไม่เกิดในทันทีทันใด ได้แต่ตามรู้หลังจากเกิดสภาพธรรมะแล้ว ถามว่าในขณะนี้จะระลึกรู้สภาพธรรมะได้อย่างไร โดยการฝึกระลึกรู้สภาพธรรมะในชีวิตประจำวัน เปรียบเหมือนนักกีฬาที่ต้องลงทำการแข่งขันต้องมีการซ้อมให้มีการชำนิชำนาญครับ

ต้องไม่ลืมคำว่าอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ สติก็เป็นอนัตตา อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิด เมื่อเหตุปัจจัยไม่พร้อม จะทำหรือพยายามอย่างไร สติปัฏฐานก็ไม่เกิด เพราะเป็นธัมมะไม่ใช่เรา สติมีหลายระดับ ขณะที่รู้หลังจากสภาพธัมมะนั้นดับไปแล้ว ขณะนั้นเป็นสติขั้นคิดนึกมิใช่สติปัฏฐาน เพราะว่า ขณะที่สติปัฏฐานเกิดต้องรู้สภาพธัมมะที่เกิดในขณะนั้น ว่าเป็นธัมมะอย่างหนึ่งครับ

ถามว่าในขณะนี้จะระลึกรู้สภาพธรรมะได้อย่างไร

ได้อย่างไร ก็เมื่อสติเกิดครับ แต่ไม่มีตัวตนที่จะพยายามให้เกิด ฟังธรรมให้เข้าใจในสิ่งที่ฟังเท่านั้นครับ เพราะมิเช่นนั้น เราก็จะถูกความต้องการ โลภะคอยดึงเราไว้เสมอ มาอย่างแนบเนียน พยายามฟังธรรมเยอะ ให้สติเกิดบ้าง จะมีวิธีอะไรไหมหรือทางลัดให้สติเกิดบ้าง ทำอย่างไรให้สติเกิดบ้าง ต้องมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธัมมะไม่ใช่เรา เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมสติก็เกิดเอง การศึกษาธรรมก็จะเป็นเรื่องเบาและไม่กังวล เพราะอะไร เพราะเป็นธัมมะไม่ใช่เราครับ

โดยการฝึกระลึกรู้สภาพธรรมะในชีวิตประจำวัน

ก็ต้องถามว่าใครฝึกครับ ในเมื่อมีแต่ธรรม ดังนั้นธรรมนั่นแหละที่จะทำหน้าที่ฝึกของเขาเองโดยไม่มีตัวตนไปบังคับจัดการ หรือเจาะจงว่าจะทำอย่างไรในเมื่อทุกอย่างเป็นธรรม ขณะที่ค่อยๆ ฟังให้เข้าใจ ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นธรรมก็ทำหน้าที่ (ฝึก) ปรุงแต่งเพื่อถึงสติระลึก แต่วันไหน ปีไหน ชาติไหน ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครบังคับได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย

พร้อมเมื่อไหร่ครับ ในสังสารวัฏเราสะสมอะไรมาเยอะ ดังนั้นเราเพิ่งเริ่มฟัง แล้วจะให้สติเกิด คงเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอันจะเป็นพื้นฐานที่จะให้สติปัฏฐานเกิดคือ เข้าใจแม้ขั้นการฟังว่าทุกอย่างเป็นธัมมะ บังคับบัญชาไม่ได้ครับ ไม่มีตัวตนที่จะฝึกหรือบังคับให้สติเกิด เพราะเป็นธัมมะไม่ใช่เราครับ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
unknown
วันที่ 12 พ.ค. 2550

แต่การแข่งขันกับการเจริญสติต่างกันน่ะครับ แม้ผลก็ต่างกัน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 30 เม.ย. 2567

ยืนดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ