พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๗. อัสสกชาดก ไม่รู้ของจริงเพราะมีสิ่งใหม่ๆ ปิดไว้

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 ส.ค. 2564
หมายเลข  35621
อ่าน  432

[เล่มที่ 57] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 304

๗. อัสสกชาดก

ไม่รู้ของจริงเพราะมีสิ่งใหม่ๆ ปิดไว้


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 57]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 304

๗. อัสสกชาดก

ไม่รู้ของจริงเพราะมีสิ่งใหม่ๆ ปิดไว้

[๒๖๓] ประเทศนี้ ข้าพเจ้าผู้มีความจงรักได้เที่ยวเล่นอยู่กับพระเจ้าอัสสกะ ผู้เป็นพระสวามีที่รัก ผู้มีความประสงค์ตามความใคร่.

[๒๖๔] ความสุขและความทุกข์เก่า ถูกความสุขและความทุกข์ใหม่ปกปิดไว้ เพราะฉะนั้น หนอนจึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระเจ้าอัสสกะอีก.

จบ อัสสกชาดกที่ ๗

อรรถกถาอัสสกชาดกที่ ๗

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการเล้าโลมของภรรยาเก่า ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า อยมสฺสกราเชน ดังนี้.

ความย่อมีว่า ภิกษุนั้นพระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอกระสันจริงหรือ กราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า เพราะเหตุไร เธอจึงกระสัน กราบทูลว่า เพราะภรรยาเก่าพระเจ้าข้า. จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ หญิงนั้นมีความรักใน

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 305

เธอมิใช่ในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนเธอก็ได้รับทุกข์ใหญ่หลวง เพราะอาศัยหญิงนั้นเหมือนกัน แล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า

ในอดีตกาลพระราชาพระนามว่า อัสสกะ ครองราชสมบัติอยู่ในนครชื่อว่า ปาฏลิแคว้นกาสี. พระองค์มีอัครมเหสีพระนามว่า อุพพรี เป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระองค์ มีรูปโฉมงดงามน่าดู มีพระฉวีเหนือมนุษย์ แต่ยังไม่ถึงวรรณะทิพย์. พระนางได้สิ้นพระชนม์ลง. พระราชาทรงโศกาดูร เสวยทุกข์โทมนัสยิ่งนัก เพราะการสิ้นพระชนม์ของพระนางนั้น. พระองค์ให้เชิญพระศพของพระนางลงในรางแล้วใส่น้ำมันหล่อไว้ ยกไปตั้งไว้ใต้พระแท่นไสยาสน์ ทรงอดพระกระยาหารบรรทมกันแสงปริเทวนาการ. พระราชมารดาพระราชบิดา หมู่พระญาติมิตรอำมาตย์ พราหมณ์คหบดีเป็นต้น พากันทูลปลอบโยนเป็นต้นว่า อย่าทรงเศร้าโศก ไปเลยมหาราช สังขารทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง ก็ไม่สามารถให้พระองค์ยินยอมได้. พระองค์ทรงรำพันอยู่เช่นนั้นล่วงไป ๗ วัน. ในกาลนั้นพระโพธิสัตว์เป็นดาบสสำเร็จอภิญญาห้าและสมาบัติแปด อยู่ในหิมวันตประเทศ เจริญอาโลกกสิณตรวจดูชมพูทวีปด้วยทิพยจักษุ เห็นพระราชาปริเทวนาการอยู่อย่างนั้น ดำริว่า เราควรเป็นที่พึ่งของพระราชาพระองค์นั้น จึงเหาะไปบนอากาศด้วยอิทธานุภาพ แล้วลงไปในพระอุทยานนั่งเหนือแผ่นมงคลสิลาราวกะว่า พระปฏิมาทองคำ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 306

ครั้งนั้นมาณพพราหมณ์ชาวนครพาราณสีคนหนึ่ง ไปพระอุทยานเห็นพระโพธิสัตว์จึงนั่งลงไหว้. พระโพธิสัตว์กระทำปฏิสันถารกับมาณพนั้นแล้วถามว่า มาณพพระราชาทรงตั้งอยู่ในธรรมหรือ. มาณพตอบว่า ขอรับพระคุณเจ้า พระราชาทรงตั้งอยู่ในธรรม แต่พระมเหสีของพระองค์สิ้นพระชนม์เสียแล้ว พระองค์เชิญพระศพของพระนางไว้ในรางแล้วทรงบรรทมพร่ำเพ้อรำพัน วันนี้เป็นวันที่ ๗ พระคุณเจ้าจะไม่ช่วยพระราชาให้พ้นจากทุกข์บ้างหรือ เมื่อมีผู้มีศีล เช่นท่านสมควรจะให้พระราชาเสวยทุกข์เช่นนั้นหรือ. พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ดูก่อนมาณพ เราไม่รู้จักพระราชา หากพระราชาจะเสด็จมาถามเรา เรานี่แหละจะทูลบอกที่ที่พระมเหสีไปเกิด จะให้พระนางตรัสสนทนากับพระราชาทีเดียว. มาณพนั้นกล่าวว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า ถ้าเช่นนั้น ขอพระคุณเจ้านั่งรออยู่ที่นี้ จนกว่ากระผมจะทูลเชิญพระราชาเสด็จมา มาณพรับปฏิญญาของพระโพธิสัตว์แล้ว ไปเฝ้าพระราชา กราบทูลความนั้น แล้วทูลพระองค์ควรเสด็จไปยังสำนักของท่านผู้มีจักษุทิพย์. พระราชาทรงดีพระทัยที่จะได้ทรงเห็นพระนางอุพพรี. เสด็จขึ้นรถไปอุทยาน ไหว้พระโพธิสัตว์ แล้วนั่ง ณ ส่วนหนึ่ง ถามว่า ได้ยินว่าท่านรู้ที่เกิดของพระเทวีจริงหรือ. พระโพธิสัตว์ทูลว่า จริงพระเจ้าข้า. ตรัสถามว่า เกิดที่ไหน. ทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระนางทรงมัวเมาในรูป อาศัยความเมาไม่ทรงทำกรรมดี จึงไปเกิดในกำเนิดหนอนมูลโค. ตรัส

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 307

ว่า ข้าพเจ้าไม่เชื่อ. ทูลว่า ถ้าเช่นนั้น อาตมาจะแสดงแก่พระองค์ แล้วให้พูด. ตรัสว่า ดีแล้ว จงให้พระนางพูดเถิด. พระโพธิสัตว์ได้ทำให้หนอนสองตัวมาด้วยอานุภาพของตน โดยอธิษฐานว่า ขอให้หนอนสองตัวจงชำแรกก้อนโคมัยออกมาเบื้องพระพักตร์ของพระราชา. หนอนสองตัวก็ออกมาตามนั้น. พระโพธิสัตว์เมื่อจะแสดงพระเทวี จึงกราบทูลว่า ข้าแต่มหาราช พระเทวีอุพพรีนี้จากพระองค์ไปแล้ว เดินตามหลังหนอนโคมัยมา ขอพระองค์จงทอดพระเนตรเถิด. พระราชาตรัสว่า พระคุณเจ้า ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่า สัตว์ที่เกิดในกำเนิดหนอนโคมัยชื่ออุพพรี. พระโพธิสัตว์ทูลว่า มหาบพิตร อาตมาภาพจะให้หนอนนั้นพูด. ตรัสว่า ให้พูดเถิดพระคุณเจ้า.

พระโพธิสัตว์เมื่อจะให้หนอนพูดด้วยอานุภาพของตน จึงเรียกว่า แน่ะนางอุพพรี. นางหนอนพูดเป็นภาษามนุษย์ว่า อะไรเจ้าคะ. พระโพธิสัตว์ถามว่า ในอัตภาพที่ล่วงแล้วท่านเป็นอะไร. ตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ ชื่ออุพพรีเจ้าคะ. ถามว่า ก็เดี๋ยวนี้พระราชาอัสสกะยังเป็นที่รักของเจ้าหรือว่า หนอนโคมัยเป็นที่รักของเจ้า. ตอบว่า ท่านเจ้าขา พระราชาเป็นพระสวามีของข้าพเจ้าในชาติก่อน ครั้งนั้นข้าพเจ้าเที่ยวชื่นชมรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะกับพระราชานั้นในอุทยานนี้ แต่เดี๋ยวนี้ตั้งแต่ข้าพเจ้าไปต่างภพกันแล้ว พระราชาอัสสกะจะเป็นอะไรกับข้าพเจ้าเล่า บัดนี้ข้าพเจ้าจะสังหารพระเจ้าอัสสกะ เอาพระโลหิต

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 308

ในพระศอของพระองค์มาล้างเท้าของหนอนโคมัยผัวของข้าพเจ้าเสีย แล้วได้กล่าวคาถาเหล่านี้ด้วยภาษามนุษย์ในท่ามกลาง บริษัทว่า :-

ประเทศนี้เราผู้มีความจงรักได้เที่ยวเล่นอยู่กับพระเจ้าอัสสกะ ผู้เป็นพระสวามีที่รัก ผู้มีความประสงค์ตามความใคร่.

ความสุขและความทุกข์เก่า ถูกความสุขและความทุกข์ใหม่ปกปิดไว้ เพราะฉะนั้นหนอนจึงเป็นที่รักของเรายิ่งกว่าพระเจ้าอัสสกะอีก.

ในบทเหล่านั้น บทว่า อยมสฺสกราเขน เทโส วิจริโต มยา ความว่า อุทยานประเทศอันน่ารื่นรมย์นี้ เราเคยเที่ยวไปกับพระเจ้าอัสสกะ. คำว่า อนุ ในบทว่า อนุกามยกาเมน เป็นเพียงนิบาต. ความว่า เราผู้มีความใคร่ต่อพระเจ้าอัสสกะนั้น ได้เที่ยวเล่นกับพระเจ้าอัสสกะผู้ใคร่เรา. บทว่า ปิเยน ได้แก่ เป็นที่รักในอัตภาพนั้น. บทว่า นเวน สุขทุกฺเขน โปราณํ อปิถิยฺยติ ความว่า นางหนอนกล่าวว่า ท่านเจ้าขา สุขเก่าถูกสุขใหม่ปกปิดครอบงำ ทุกข์เก่าถูกทุกข์ใหม่ปกปิดครอบงำ นี้เป็นธรรมดาของโลก. บทว่า ตสฺมา อสฺสกรญฺาว กีโฏ ปิยตโร มมํ. ความว่า เพราะสุขทุกข์เก่าถูกสุขทุกข์ใหม่ปกปิด ฉะนั้น หนอนจึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระเจ้าอัสสกะร้อยเท่าพันเท่า.

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 11 เม.ย. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ทุกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๓ - หน้า 309

พระเจ้าอัสสกะได้สดับดังนั้นแล้ว ทรงแค้นพระทัย ยังประทับอยู่ ณ ที่นั้น รับสั่งให้ย้ายศพพระเทวีออกไป ทรงสรงสนานพระเศียร แล้วไหว้พระโพธิสัตว์ เสด็จเข้าพระนคร ทรงอภิเษกสตรีอื่นเป็นอัครมเหสี ทรงครองราชสมบัติโดยธรรม ฝ่ายพระโพธิสัตว์ถวายโอวาทพระราชาให้ทรงหายโศกแล้ว ก็ได้กลับไปยังป่าหิมพานต์.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุผู้กระสันได้ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล พระเทวีอุพพรีในครั้งนั้นได้เป็นภรรยา เก่า (ของภิกษุนั้น) ในครั้งนี้ พระเจ้าอัสสกะได้เป็นภิกษุกระสัน มาณพได้เป็นสารีบุตร ส่วนดาบส คือเราตถาคตนี้แล.

จบ อรรถกถาอัสสกชาดกที่ ๗