คนที่เกิดมาแล้วไม่ตาย ไม่มี

 
khampan.a
วันที่  29 พ.ค. 2564
หมายเลข  34321
อ่าน  512

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๔๕๔]

คนที่เกิดมาแล้วไม่ตาย ไม่มี


อย่างไรๆ ต้องตาย คนที่เกิดแล้วไม่ตาย ไม่มี เพราะฉะนั้นจะตายเร็วหรือจะตายช้า ก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ อาจจะเป็นวันนี้เองหรือว่าเดี๋ยวนี้เองก็ได้หรืออีกสองสามวันก็ได้

เกิดมาแล้วต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน แต่จะจากไปโดยฐานะที่เต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธ ความริษยา ความผูกโกรธ ความมานะสำคัญตน หรือว่าจากไปโดยการที่รู้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีเมื่อไหร่เป็นทุกข์เมื่อนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า จากการฟังพระธรรมโดยละเอียดขึ้นๆ ก็สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริงของสิ่งซึ่งถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้แต่แต่ละคำที่ได้ยินจากพระไตรปิฎกทั้งหมดก็ไม่มีโอกาสจะได้ยินเลย เพราะฉะนั้นก็เห็นประโยชน์ว่า การเกิดมามีทรัพย์สมบัติสูญหายเมื่อไหร่ก็ได้ มีรูปสมบัติก็ต้องแก่ชรา มีอุบัติเหตุหรืออะไรก็ได้ที่ทำลายให้สูญไปก็ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามเหตุตามปัจจัย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดไม่พ้นจากความดีและการเข้าใจพระธรรม เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นอกุศลคือสิ่งที่ไม่ดีจะเข้าใจได้อย่างไร

เกิดมาแล้วก็ตายไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นสาระเป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข หรือว่าความติดข้องในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่เป็นความเข้าใจ ยามยาก ยามลำบาก ยามทุกข์ใจ ลาภช่วยได้ไหม? ยศ สรรเสริญ สุข ช่วยได้ไหม? ก็ไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรม ไม่ว่าจะกำลังเป็นทุกข์ เจ็บไข้ได้ป่วยหรือว่าได้รับภัยพิบัติต่างๆ ขณะนั้นปัญญาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความทุกข์เลย เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจความจริงในขณะนั้นได้ จนถึงที่สุดว่าทุกอย่างไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย ทั้งหมดก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

ต้องตายทุกคน เพราะฉะนั้นจะฉลาดในการก่อนตาย คือหมายความว่า ถ้าก่อนตายดี ตายแล้วผลดีก็ต้องเกิดขึ้น หรือว่า ชาตินี้ดูดีๆ ละเอียดๆ แล้วแย่มากหรือเปล่า? อกุศลทุกวันและก็มีทั้งอย่างน้อยบ้าง มากบ้าง ทับถมมาเรื่อยๆ แล้วจะเป็นอย่างไร มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งหรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คือว่าไม่ได้พึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 29 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ