การบรรลุโสดาบันเป็นเรื่องไม่ยาก?

 
mana.amo
วันที่  26 เม.ย. 2564
หมายเลข  34139
อ่าน  3,551

พระไตรปิฎกไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑๙ หน้าที่ ๓๕๙-๓๖๐ ข้อที่ ๑๔๘๐.

[๑๔๘๐] ดูกรอานนท์ ก็ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติวินิบาต สิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เป็นไฉน? อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ นี้แล คือ ธรรมปริยายชื่อธรรมาทาส ที่อริยสาวกประกอบแล้ว เมื่อหวังอยู่พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เรามีนรก กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.


เมื่อพิจารณาจากบทพยัญชนะข้างต้นแล้ว ดูเหมือนว่าการจะบรรลุโสดาบันเป็นเรื่องไม่ยากเลยนะครับ ถ้ามีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และรักษาศีล ๕ ได้บริบูรณ์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 27 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นแรก ที่สามารถดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง ดับกิเลสได้ เป็นเพียงบางประเภท กล่าวคือ ดับความเห็นผิดได้ทั้งหมด ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม และ สามารถดับดับกิเลสอย่างหยาบอันเป็นเหตุไปสู่อบายภูมิได้ทั้งหมด แต่พระโสดาบัน ยังไม่สามารถดับได้ทุกประการ เพราะผู้ที่จะดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือนั้น คือ พระอรหันต์

การบรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นได้ด้วยปัญญา และต้องดำเนินตามหนทาง ที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย คือ อริยมรรค มีองค์ ๘ ที่เริ่มด้วย ความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญาจนปัญญาคมกล้า ก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ เหมือนอย่างพระอริยบุคคลในอดีต แต่ถ้าประมาทพระธรรม ว่าง่าย เป็นผู้ไม่รู้อะไรเลย ไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ แต่สำคัญผิดว่าจะเป็นไปเพื่อรู้ธรรมตามความเป็นจริง นั่นไม่ใช่หนทางที่จะนำไป สูู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย

สิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือควรตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพราะ การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นเรื่องที่ยาวไกลมาก กิจที่ควรทำในขณะนี้คือ ฟังพระธรรม ให้เข้าใจ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะกว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ จะเห็นได้เลยว่า ถ้าไม่ฟังไม่ศึกษาพระธรรมเลย ปัญญาย่อมไม่ สามารถที่จะเกิดขึ้นได้เลย เหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ก็คือ ฟังพระธรรม ด้วยความเคารพ ไตร่ตรองพิจารณาในเหตุในผลของธรรม ธรรมไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวันเลย ไม่ว่าจะฟังพระธรรมส่วนไหน ก็ไม่พ้นไปจากเพื่อให้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีจริงในขณะนี้จริงๆ เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

ปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้นต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษา ไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือชาตินี้ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีก เป็นเวลาอันยาวนาน (จิรกาลภาวนา) ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นจนถึงความสมบูรณ์พร้อมในที่สุดได้ ครับ

ขอเชิญศึกษาเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ มีประมาณเพียงใด?


...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mana.amo
วันที่ 27 เม.ย. 2564

เรียน อาจารย์คำปั่น (ความเห็นที่ ๑)

ข้อความในพระสูตรที่ผมอ้างถึงในกระทู้นี้กล่าวไว้แต่เพียงว่า ถ้าเรามีเหตุปัจจัยครบทั้ง ๔ เหตุปัจจัย กล่าวคือ มีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และมีศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว (ซึ่งอาจารย์ตอบผมว่าหมายถึงศีล ๕) พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า จะสามารถพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า.

เมื่อพิจารณาจากบทพยัญชนะในพระสูตรที่ผมอ้างถึง การบรรลุโสดาบันจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ในพระสูตรกล่าวเพียงเหตุปัจจัย ๔ เหตุปัจจัยเท่านั้นที่ทำให้สามารถพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่าเป็นโสดาบัน ไม่เห็นมีข้อความที่อาจารย์พยายามนำมาอธิบายเลยครับ อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบายเพิ่มเติมด้วย ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 27 เม.ย. 2564

เรียน ความคิดเห็นที่ ๒ ครับ

การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระโสดาบัน เป็นผลของการอบรมเจริญปัญญา จนถึงความสมบูรณ์พร้อมแล้ว ซึ่งศรัทธาของท่าน แม้ก่อนที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็ มุ่งตรงต่อการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา มีความเลื่อมในพระรัตนตรัย และเมื่อเมื่อได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบันแล้ว ศรัทธาของท่านจึงมั่นคงโดยไม่หวั่นไหว ด้วยคุณธรรมที่ท่านได้บรรลุแล้วนั่นเอง ไม่มีทางที่จะไปนับถือหรือว่าพึ่งอย่างอื่นอย่างแน่นอน และ พระโสดาบัน เนื่องจากท่านดับกิเลสอันเป็นเหตุให้มีการล่วงศีลได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว จึงไม่มีทางที่จะท่านจะล่วงศีล ๕ อีกต่อไป ดังนั้น คุณธรรมของพระโสดาบัน คือ มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย และ มีศีล ๕ ที่บริบูรณ์ ครับ

ขอเชิญย้อนอ่านทบทวนได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ มีประมาณเพียงใด?

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 27 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ