เผลอตั้งใจคิดอกุศลบาปไหม

 
yongmer8
วันที่  21 เม.ย. 2564
หมายเลข  34099
อ่าน  606

ถ้าเราเผลอตั้งใจคิดอกุศล แล้วรู้ว่าไม่ดี แล้วไม่ยินดีกับคิดนั้น แต่เราห้ามไม่อยู่เพราะความคิดเร็วมาก แบบนี้จะบาปเยอะมั้ยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บาป มีได้ เพราะอาศัย จิต เจตสิกที่เกิดขึ้น คือ เป็นจิตที่ไม่ดี เพราะประกอบด้วยเจตสิกที่ไม่ดี มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น เพราะฉะนั้น บาปจึงมีหลายระดับ คือ ขณะที่เป็นอกุศลจิต และขณะที่ทำอกุศลกรรม ที่เป็นการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ เป็นต้น ขณะที่เป็นบาปที่มีกำลังและสามารถทำให้ส่งผลได้รับวิบาก คือ ผลของกรรมได้ มีการเกิดในอบายภูมิ ซึ่งขณะที่คิดในใจ เป็นอกุศลจิต เป็นบาป ที่ไม่ให้ผลให้ได้รับสิ่งไม่ดี ครับ เพียงสะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีเท่านั้น ครับ

ขณะที่คิด เป็นธรรมที่มีจริงเป็น จิต ที่คิด คิดถึงเรื่องราวต่างๆ จากการได้เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ได้กลิ่นบ้าง รวมไปถึงในขณะที่ฝันด้วย ดังนั้น ขณะที่คิด อะไรที่มีจริง ก็ต้องเป็น จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง (และเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้อง มีสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต คือ เจตสิก ด้วย) ส่วนเรื่องราวที่ จิต คิดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่รูปธรรมและนามธรรม แต่เป็นบัญญัติเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่จิตรู้ เรื่องราวจึงเป็น อารมณ์ของจิต ที่กำลังคิดในขณะนั้น ซึ่งก็จะเข้าใจไปถึงคำว่า อารมณ์ ด้วย เพราะสิ่งใดก็ตามที่จิตรู้สิ่งนั้นเป็น อารมณ์ ของจิต

เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ความเข้าใจถูก เห็นถูก ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรมที่มีจริงยิ่งขึ้น ว่ามีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นได้เลย แม้แต่ในขณะที่คิด ก็ไม่ใช่ตัวเราที่คิด แต่เป็นธรรม คือจิต เกิดขึ้นคิดในขณะนั้น เป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะ เหตุ ปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ

การคิดดี คิดไม่ดี ก็เกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา แม้แต่ความคิดที่ไม่ดีก็เกิดขึ้นได้ เพราะยังมีกิเลสที่เป็นปุถุชนที่ยังหนาด้วยกิเลส ซึ่งไม่สามารถจะบังคับไม่ให้คิดอย่างนั้นได้เลย แต่ต้องสะสมเหตุที่ถูกต้อง เพราะความคิดที่ดี และ ความคิดไม่ดีก็อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น ความคิดที่ดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยความเห็นถูก คือ ปัญญา เป็นเหตุ สมดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นถูก ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิด สัมมาสัมกัปปะ คือ ความคิดที่ถูก เพราะฉะนั้น ก็ควรเข้าใจความจริงว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเกิดความคิดไม่ดีได้แน่ แม้แต่ที่ผู้ถามกล่าวมา แต่ที่สำคัญ ควรสะสมเหตุที่จะเกิดความคิดที่ดี คือ สะสมความเห็นถูก สะสมสัมมาทิฏฐิ ซึ่งจะมีได้ ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ เพราะ ถ้าไม่สะสมเหตุนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความคิดได้เลย เพราะไม่มีเหตุที่จะทำให้เกิดความคิดที่ดี ครับ

ดังนั้น ก็สะสม อบรมปัญญาด้วยการฟัง ศึกษาพระธรรมต่อไป ความคิดที่ถูก ที่ดี ก็จะเกิดเพิ่มขึ้น และ ความคิดที่ไม่ดี ก็จะน้อยลง ตามกำลังปัญญาที่เกิดจากการฟัง ศึกษาพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 21 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เมื่อมีเหตุปัจจัยให้อกุศลเกิด อกุศลก็เกิด ยับยั้งไม่ได้ อกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว อกุศล ทุกชนิด เป็นบาป เพราะเป็นสภาพที่ไม่ดี น่ารังเกียจ ไม่ควรเข้าใกล้ ควรหลีกออกห่าง อกุศลเกิดขึ้นเมื่อใด ก็ไม่เป็นประโยชน์เมื่อนั้น แต่เมื่อใดที่มีเหตุปัจจัยให้กุศลจิตเกิด เช่น ฟังพระธรรม เป็นต้น กุศลจิตก็เกิด ซึ่งในขณะที่กุศลจิตเกิด อกุศลใดๆ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ นี้คือ ความเป็นจริงของสภาพธรรม ดังนั้น จึงทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อได้อาศัยการฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ มีความเข้าใจที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น ปัญญาก็นำไปในกิจทั้งปวงที่ดีงาม คุณความดีก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นคล้อยตามความเข้าใจที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ก็ขอให้ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมต่อไป ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 21 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 22 เม.ย. 2564

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก 

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ