ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๘

 
khampan.a
วันที่  7 มี.ค. 2564
หมายเลข  33832
อ่าน  1,633

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๘
* *


~ อาศัยพระธรรมที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจถูกแล้วก็รู้ตามความเป็นจริงว่าความไม่รู้มีมากที่สะสมมา เพราะฉะนั้น ความรู้ที่จะค่อยๆ ละความไม่รู้ได้จริงๆ ก็ต้องค่อยๆ สะสมไป

~ ทั้งหมดที่พูดคำจริง ไม่ใช่เป็นการติเตียนคนอื่น ไม่ใช่เป็นการว่าร้าย แต่เป็นการเปิดเผยความถูกต้องให้คนนั้นได้ไตร่ตรองและคิด เพื่อประโยชน์ของเขาเอง


~ อะไรถูก ก็ต้องกล่าวว่าถูก ไม่เผินไม่ประมาท ให้คนอื่นได้รู้ความจริงเป็นประโยชน์ไหม หวังดีหรือเปล่า หรือว่าหวังร้าย? ลองคิดดูดีๆ ทำไมจะต้องกล่าว เพื่อประโยชน์ ใช่ไหม? เป็นประโยชน์กับใคร? ประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ละเอียดไม่รอบคอบไม่ไตร่ตรองความถูกต้องให้ชัดเจนว่าอะไรถูกอะไรผิดย่อมประมาทแล้วก็ทำสิ่งที่ผิดได้

~ พุทธบริษัทก็ต้องช่วยกันที่จะศึกษาพระธรรมให้เข้าใจชัดเจนให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ไม่กล่าวตู่พระธรรมวินัยซึ่งเป็นโทษอย่างยิ่งเพราะสิ่งนั้นผิดก็เข้าใจว่าถูก ทั้งๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทุกอย่างโดยละเอียดโดยรอบคอบให้พิจารณาไตร่ตรอง ความหวังดี ไม่ใช่ความหวังร้ายเลย

~ ใครก็ตามที่มีความไม่รู้และก็ไม่ได้ฟังพระธรรม เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมดาเหลือเกินที่บุคคลนั้นจะต้องทำสิ่งที่ผิดๆ หรือว่าทำสิ่งที่ไม่สมควรหรือทำสิ่งที่เสียหายแม้กับตัวท่าน แต่ถ้าท่านพิจารณาว่า เพราะบุคคลนั้นไม่รู้จึงทำ แต่เมื่อท่านเองศึกษาแล้ว พิจารณาธรรมเข้าใจแล้วรู้แล้ว ยังจะโกรธคนที่ไม่รู้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเลย

~ แต่ละคำไม่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสเรื่องอะไร ก็กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ จนกว่าจะเข้าใจขึ้น นี้คือ ประโยชน์ของการฟังพระธรรม มีค่าทุกครั้งที่ความเข้าใจเกิดขึ้น

~ ชาวพุทธหรือคนที่เข้าใจว่าตนเองนับถือพระพุทธศาสนา ประมาทหรือเปล่าที่ไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวได้เลยว่าประมาทตั้งแต่ต้นแล้วก็จะประมาทไปเรื่อยๆ แล้วอย่างนี้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองหรือเปล่า?

~ ถ้าไม่เห็นโทษของอกุศล กระทำอกุศลอยู่เนืองนิตย์ ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา วันหนึ่งใครจะรู้ได้ว่า ท่านจะกระทำอกุศลกรรมหนักเพียงไร เพราะว่าการที่จะกระทำอกุศลกรรมหนักๆ ได้ ย่อมมาจากการกระทำไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งขาดความละอายแล้วก็สามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมที่ร้ายแรงได้

~ ต้องอาศัยกาลเวลาในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสเมื่อเห็นกิเลสมากเท่าไร ก็รู้ว่าจะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียวกว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรมและไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาและการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น

~ ในการฟังพระธรรม ก็จะต้องอดทนที่จะสละเวลาของความสำราญความสุขรื่นเริง การพักผ่อนเพื่อฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าบางคนคิดว่าการพักผ่อนสำคัญมาก แต่ว่ายังลืมเรื่องการพักผ่อนโดยกุศลจิตเกิดด้วยการฟังพระธรรม ซึ่งนั่นจะเป็นการพักผ่อนจากอกุศล เพราะมิฉะนั้นแล้วถึงจะพักผ่อนสนุกสนานสำราญใจอย่างไรก็ตาม ขณะนั้นก็เป็นด้วยอกุศล คือ ด้วยความพอใจในขณะที่กำลังมีความรู้สึกสบายกายและสบายใจ

~ ควรเจริญกุศลทุกทางทุกโอกาส เพราะเมื่อเป็นโอกาสของกุศลแล้วไม่ทำกุศล โอกาสของกุศลก็หมดไป โอกาสทำกุศลเป็นโอกาสที่หายากในชีวิต ในวันหนึ่งๆ ลองพิจารณาว่าอกุศลมากหรือกุศลมาก เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลทางใด ก็ไม่ควรให้โอกาสนั้นผ่านไป เพราะเมื่อกุศลไม่เกิด อกุศลก็เกิด

~ คนกิเลสมากเป็นอย่างไร พฤติกรรมทางกายทางวาจาเกิดจากใจซึ่งเต็มไปด้วยกิเลสมากเท่าไหร่ การกระทำทางกาย ทางวาจา ก็เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ถ้ากิเลสน้อยลง ความดีก็เพิ่มขึ้นจนกระทั่งสามารถที่จะค่อยๆ ดับกิเลสตามลำดับขั้น

~ อกุศลธรรมก็เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ควรที่จะเห็นอกุศลของตนเองตามความเป็นจริงว่า เป็นสิ่งซึ่งมีเหตุปัจจัยที่จะเกิดก็เกิดปรากฏ และเมื่ออบรมธรรมที่เป็นกุศลมากขึ้น ธรรมที่เป็นกุศลนั่นแหละ จะขัดเกลาบรรเทาธรรมที่เป็นอกุศลให้น้อยลงได้

~ อกุศล กับ กุศล เกิดพร้อมกันได้ไหม? ไม่ได้ ถ้ามีเหตุที่อกุศลจะเกิด อกุศลเกิดแน่นอน กุศลเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ขณะที่ฟังธรรม ความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ก็ค่อยๆ สะสมทำให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น

~ ถ้าเราจะเดือดร้อนเพราะคนอื่น ทั้งวันไม่จบ ทั้งคืนไม่จบ ทั้งชาติไม่จบ เพราะฉะนั้น เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ไม่นาน ประโยชน์ที่ประเสริฐที่สุดคือเข้าใจธรรมและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย

~ ผลที่ดีต้องมาจากเหตุที่ดี ถ้ามั่นคงอย่างนี้จริงๆ จะทำชั่วไหม? ก็ต้องทำแต่สิ่งที่ดี แต่บังคับไม่ได้ เพราะยังมีกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) เพราะฉะนั้น กิเลสก็ต้องเกิด

~ ถ้าทั้งชาตินี้ ไม่มีโอกาสได้เข้าใจธรรม ชาติไหนจะได้ฟังและเข้าใจ เพราะชาตินี้มีโอกาสแล้ว มีคำ (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ซึ่งสามารถจะได้ฟังแล้วเข้าใจ ยังไม่ฟัง ฟังแล้วก็ยังเผิน ไม่เข้าใจ แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจได้

~ ถ้ามีความเข้าใจถูกและมีความเป็นมิตรที่ดี ที่จะให้คนอื่นเข้าใจถูกด้วย เป็นบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ไหม? เป็นเมตตาบารมี ไม่หวังร้ายต่อใครเลยทั้งสิ้น พูดคำจริงเพื่อประโยชน์ เพื่อเขาจะได้ไม่เป็นบาป

~ การดำรงพระพุทธศาสนา ผู้นั้นต้องมีความเข้าใจที่ถูก ไม่ใช่ว่าใครคิดจะดำรงพระพุทธศาสนาแต่ไม่ศึกษาธรรมให้เข้าใจแล้วสามารถจะดำรงพระพุทธศาสนาได้ สร้างวัด สร้างอารามต่างๆ แต่ไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่การดำรงพระพุทธศาสนา

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศความจริง ใช่ไหม? เมื่อเป็นความจริงอย่างนี้ควรจะให้คนอื่นได้รู้ความจริงด้วยหรือเปล่า? พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่ออะไร? ให้คนอื่นได้เข้าใจ แล้วคนที่เข้าใจแล้วควรให้คนอื่นได้เข้าใจหรือเปล่า? ทำผิดตรงไหนที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง?


* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๙๗




...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 7 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
natthayapinthong339
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pulit
วันที่ 8 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เข้าใจ
วันที่ 8 มี.ค. 2564

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Kalaya
วันที่ 8 มี.ค. 2564

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Khemsai
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
dakansu_bye
วันที่ 8 มี.ค. 2564

พอได้ฟัง ได้สะสมไปทีละน้อย ก็เข้าใจมากขึ้นคะ กราบขอบพระคุณท่าน อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ อ. ของมูลนิธิทุกท่านคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 8 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 9 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณและยินดีในกุศลด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
มังกรทอง
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ในการฟังพระธรรม ก็จะต้องอดทนที่จะสละเวลาของความสำราญความสุขรื่นเริง การพักผ่อนเพื่อฟังพระธรรม เพราะเหตุว่าบางคนคิดว่าการพักผ่อนสำคัญมาก แต่ว่ายังลืมเรื่องการพักผ่อนโดยกุศลจิตเกิดด้วยการฟังพระธรรม ซึ่งนั่นจะเป็นการพักผ่อนจากอกุศล เพราะมิฉะนั้นแล้วถึงจะพักผ่อนสนุกสนานสำราญใจอย่างไรก็ตาม ขณะนั้นก็เป็นด้วยอกุศล คือ ด้วยความพอใจในขณะที่กำลังมีความรู้สึกสบายกายและสบายใจ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
มังกรทอง
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ถ้าเราจะเดือดร้อนเพราะคนอื่น ทั้งวันไม่จบ ทั้งคืนไม่จบ ทั้งชาติไม่จบ เพราะฉะนั้น เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ไม่นาน ประโยชน์ที่ประเสริฐที่สุดคือเข้าใจธรรมและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย

กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 12 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ