สอบถามผู้รู้

 
virot05
วันที่  8 เม.ย. 2550
หมายเลข  3369
อ่าน  988

ทำสมาธิแล้วนอนไม่ค่อยหลับเป็นบางครั้ง ประมาณ ตี 3 ตี 4 โน้นแหละครับ จะหลับแล้ว หากหลับไปแล้วจะมีความรู้สึกเหมือนมีแม่เหล็กมาดึง และดูด เราพบบ่อยครั้งมาก จะแก้ไขอย่างไร ขอความกรุณานะขอรับ

อนุโมทนาล่วงหน้าขอรับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
shumporn.t
วันที่ 8 เม.ย. 2550

สมาธิ มี ๒ คือ สัมมาสมาธิและมิจฉาสมาธิ มิจฉาสมาธิเกิดกับอกุศลจิต สัมมาสมาธิ

เป็นสมาธิที่เกิดกับกุศลจิต กุศลจิตเป็นจิตที่มีคุณ ให้ผลเป็นสุข จะไม่ทำให้เกิดอาการ

ผิดปกติต่างๆ อย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว เช่น เมตตา อานิสงส์ของเมตตา คือ ตื่นก็

เป็นสุข หลับก็เป็นสุข การจะทำสิ่งใด ถ้าไม่กระทำด้วยความเข้าใจ ไม่ตรวจสอบสิ่ง

ที่กระทำอยู่นั้นผิดหรือถูก ก็จะไม่สามารถพบหนทางที่นำความสงบอย่างแท้จริงมาให้

เลย ในเวปนี้มีคำสอนเรื่องสมถะ ทั้งหนังสือและซีดี ลองหาอ่านดูนะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 8 เม.ย. 2550
เลิกทำสมาธิค่ะ อาการดังกล่าวก็จะหายไปเอง หันมาสนใจฟังธรรมะและอบรมเจริญสติปัฏฐานดีกว่า เพราะว่าถ้าสติปัฏฐานเกิดในขณะนั้นก็มีสัมมาสมาธิเกิดร่วมด้วย
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
virot05
วันที่ 8 เม.ย. 2550
อนุโมทนาบุญขอรับ ที่ได้ตอบข้อสักถาม
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 8 เม.ย. 2550

แก้ด้วยปัญญา ปัญญาจะเกิดก็ต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ ว่า ธรรมคืออะไร

ปฏิบัติคืออะไร เริ่มจากการฟังให้เข้าใจก่อนนะครับ

สัตบุรุษทั้งหลายเมื่อทะเลาะกัน ย่อมเชื่อมกันได้เร็ว เพราะการให้อภัย และโยนิโสมนสิการ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Guest
วันที่ 9 เม.ย. 2550

G00493 ขณะที่ทำสมาธิแล้วเห็นภาพต่างๆ ขณะนั้นไม่ใช่สมถภาวนา

เนื้อหา

ผู้เจริญสมถภาวนาไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย เพราะการเจริญสมถภาวนา

เป็นการเจริญกุศลทางใจ ซึ่งเมื่อจิตสงบแล้ว ก็ปรากฎแต่นิมิตของอารมณ์ที่ทำให้

จิตน้อมเป็นกุศลมั่นคงยิ่งขึ้น เช่น ผู้ที่เจริญอาโปกสิณ ก็มีนิมิตของอาโปกสิณเป็น

อารมณ์ จะไม่เห็นนรกสวรรค์ เหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ เลย ขณะที่ทำสมาธิแล้ว

เห็นภาพต่างๆ ขณะนั้นไม่ใช่สมถภาวนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Guest
วันที่ 9 เม.ย. 2550

G00476 การทำสมาธิเมื่อไม่ประกอบด้วยปัญญาก็เป็นมิจฉาสมาธิ

เนื้อหา

การทำสมาธิให้จิตจดจ่อที่อารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานๆ นั้น เมื่อไม่ประกอบ

ด้วยปัญญา ก็เป็นมิจฉาสมาธิ เพราะขณะนั้นเป็นความพอใจที่จะให้จิตตั้งมั่นแน่ว

แน่อยู่ที่อารมณ์เดียว เมื่อปราศจากปัญญา ก็ไม่สามารถรู้ความต่างกันของโลภ

มูลจิตและกุศลจิต เพราะโลภมูลจิตและกามาวจรกุศลจิตมีเวทนาประเภทเดียวกัน

เกิดร่วมกันด้วย คือ

โลภมูลจิต ๘ ดวง มีอุเบกขาเวทนาเกิดร่วมด้วย ๔ ดวง

มีโสมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย ๔ ดวง

กามาวจรกุศลจิต ๘ ดวง มีอุเบกขาเวทนาเกิดร่วมด้วย ๔ ดวง

มีโสมนัสเวทนาเกิดร่วมด้วย ๔ ดวง

ฉะนั้น ขณะใดที่อุเบกขาเวทนาเกิดขึ้นหรือโสมนัสเวทนาเกิดขึ้น จึงยากที่

จะรู้ว่าจิตที่ไม่สุขไม่ทุกข์ ไม่เดือดร้อน หรือขณะที่โสมนัสยินดีเป็นสุขนั้น เป็นโลภ

มูลจิตหรือเป็นมหากุศลจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Guest
วันที่ 9 เม.ย. 2550

G00475 สมถภาวนาไม่ใช่การทำสมาธิ

เนื้อหา


สมถภาวนาไม่ใช่การทำสมาธิ สมาธิเป็นสภาพธรรมที่ตั้งมั่นในอารมณ์ ซึ่งได้แก่ เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับจิตทุกดวง เมื่อจิตฝักใฝ่มีอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานๆ ลักษณะของเอกัคคตาเจตสิก ก็ปรากฏเป็นสมาธิ คือ ตั้งมั่นแน่วแน่ อยู่ที่อารมณ์ใด อารมณ์หนึ่ง เพียงอารมณ์เดียว เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับอกุศลจิตเป็นมิจฉาสมาธิ เอกัคคตาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตเป็นสัมมาสมาธิ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
shumporn.t
วันที่ 9 เม.ย. 2550

อนัตตา หมายถึง สภาพที่บังคับบัญชาไม่ได้ สติก็เป็นอนัตตา จะบังคับให้สติ

เกิดตรงไหน เวลาใด ไม่ได้เลย ถ้าทำได้ สติก็เป็นอัตตา สติเป็นโสภณธรรม

เกิดกับกุศลจิต กุศลวิบากและโสภณกริยา สติจะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย ส่วนคำว่าสติ

ที่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า จะทำอะไรให้มีสติ คือ เวลาขับรถ ข้ามถนน อ่านหนังสือ ขอให้

มีสติ สติที่เข้าใจอย่างนี้ ไม่ใช่สติในทางธรรม เพราะเวลาขับรถ ขณะนั้นจิตไม่ได้

เป็นไปใน ทาน ศีล ภาวนา จะเป็นกุศลจิตได้อย่างไร ธรรมเป็นเรื่องละเอียด ควร

ศึกษาด้วยความไม่ประมาท

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ