พระมหากรุณาที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

 
khampan.a
วันที่  4 ก.พ. 2564
หมายเลข  33667
อ่าน  395

หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๓๕๗]

พระมหากรุณาที่ไม่มีใครเสมอเหมือน


พระธรรมคำสอนทั้งหมดก็มาจากพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) เพื่อที่จะให้ผู้ฟังมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ไม่ใช่ไปคิดขึ้นมาโดยที่ไม่มีสภาพธรรมปรากฏว่าความจริงเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า และสิ่งที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ไม่ใช่เพื่อดอกไม้ ธูปเทียน คำสรรเสริญ สักการะทั้งหมด แต่เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก สัตตูปการคุณ คือ พระคุณที่ทรงอุปการะสัตว์โลกให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ถ้าจะมีคนที่บูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ ธูปเทียน วัตถุของหอมมากมายมหาศาล กับ การที่ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจพระธรรม คิดว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะทำให้พระองค์เกิดปีติ ดอกไม้ทำให้ปีติหรือเปล่า หรือว่าการที่มีผู้ที่สามารถเข้าใจพระธรรมที่ได้ทรงแสดง

เพราะฉะนั้น ระลึกถึงขณะที่ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ความปีติของพระองค์จะมีไหม สัตตูปการคุณหรือสัตตูปการสัมปทา การถึงพร้อมด้วยการอนุเคราะห์สัตว์โลกได้สำเร็จแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่ตรัสรู้ด้วยพระองค์เองเท่านั้น แต่พระมหากรุณาและก็มีผู้สามารถที่จะได้รับประโยชน์จากการฟัง สมกับการที่พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี และตลอดเวลา ๔๕ พรรษา ไม่ว่าใครที่ไหน ที่ได้สะสมปัจจัยพอที่จะเข้าใจธรรม (พระองค์ก็) ทรงพระมหากรุณาที่จะเสด็จไปแสดงธรรม นี่แสดงให้เห็นว่า ทั้งหมดเพื่อชาวพุทธหรือผู้ที่เข้าใจว่า ตนเองมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ต้องไม่ลืมพระธรรมด้วย ไม่ใช่เพียงเข้าใจแต่ว่า พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับกิเลส ทรงเป็นพระบรมศาสดายิ่งใหญ่กว่าเทวดาพรหม มนุษย์ใดๆ ทั้งปวงในสากลโลก ในจักรวาล ไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่พระองค์แสดงธรรมอะไรที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ฟัง ความเป็นมิตรที่ดี กัลยาณมิตรที่เลิศ ก็คือ เพื่อประโยชน์ของผู้ที่เราเป็นมิตรด้วย เพราะฉะนั้น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุด เพราะว่าทรงพระมหากรุณา ทุกอย่างที่ทำเพื่อประโยชน์ของผู้ที่ได้พบทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้กว่าจะได้เข้าใจพระธรรม คือ ธรรมขณะนี้ตามความเป็นจริง สัจธรรม ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ให้เป็นอย่างอื่นได้เลย ให้เป็นอย่างอื่น ให้เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างนี้ด้วย ก็ไม่ได้ ธรรมต้องเป็นธรรมประการเดียว กุศลธรรมเป็นกุศลธรรม อกุศลธรรมเป็นอกุศลธรรม ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ที่ไหน ทั้งหมด ก็คือ เป็นธรรม

ด้วยเหตุนี้เมื่อได้ทรงแสดงพระธรรมแล้ว ก็มีคำว่า “ธรรม” แต่ละคนก็ได้ยินคำนี้ แต่จะมีความเข้าใจคำนี้ลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ มั่นคง ถึงความเป็นผู้ที่ดับกิเลสหมดเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะมีความเข้าใจธรรมโดยประการทั้งปวงจนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสได้หมด
เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ไม่ใช่เรื่องรีบร้อน ไม่ใช่เรื่องรวดเร็ว ไม่ใช่เรื่องอยากจะเข้าใจ แต่ว่าขณะใดที่ฟังแล้วเข้าใจ ขณะนั้นเวลาที่ฟังอีก ก็เข้าใจสิ่งที่เคยฟังแล้วเข้าใจแล้วนั่นแหละเพิ่มอีก และเวลาที่ฟังอีก ก็เข้าใจขึ้นอีก ในความไม่มีเรา แต่เป็นธรรมทั้งหมด


กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ