ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๙

 
khampan.a
วันที่  25 ต.ค. 2563
หมายเลข  33144
อ่าน  1,468

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

* * ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๙
* *

~ คิดว่าทำร้ายคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนทำร้ายคนอื่น ทำร้ายตนเองแล้ว ถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้จะดีขึ้นไหม จะไม่ทำร้ายใครแล้ว เพราะว่าการทำร้าย เกิดขึ้นจากจิตของเราที่เลวต่างหาก เพราะจิตเลว จึงสามารถทำสิ่งที่เลวได้ เพราะฉะนั้น โลกจะสงบขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น ประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น

~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูก ซึ่งกิเลสที่มีมากในสังสารวัฏฏ์ซึ่งแต่ละคนประมาณไม่ได้เลย สามารถจะค่อยๆ ลดละคลายลงไปทีละเล็กทีละน้อย ด้วยปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมดเป็นไปเพื่อเกื้อกูลให้ทุกท่านรู้ตัวว่า ยังมีกิเลสอยู่มากๆ อย่าหลงผิดว่า ลดน้อยลงไปเยอะแล้ว เพราะเหตุว่าถ้าไม่ใช่ปัญญาจริงๆ กิเลสจะลดไม่ได้ และถ้าไม่มีการกระทำทางกาย ทางวาจา กิเลสก็คงยังไม่ปรากฏให้รู้ได้ว่า ขณะนั้นสะสมอกุศลไว้มากมายเพียงใด

~ จะต้องการทรัพย์สมบัติอื่นใด ชื่อเสียง เกียรติยศ หรืออะไร เพียงแค่ทุกอย่างเพียงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปหมดในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนาน ไม่เหลือเลย แม้แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ก็ไม่เหลือ เพราะฉะนั้น พอถึงพรุ่งนี้ วันนี้จะไม่มีอะไรเหลือสำหรับพรุ่งนี้เลย

~ ผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม ก็จะไม่ละเลยในการฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าหนทางเดียวที่จะรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ฟังแล้วก็มีความเข้าใจว่า ทั้งหมดจากการที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ ซึ่งลึกซึ้งละเอียดอย่างยิ่ง ถ้าเราไม่ได้ฟังพระธรรม ก็พูดคำที่ไม่รู้จักตลอดชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคำอะไรทั้งสิ้น

~
ต้องเป็นคนที่อาจหาญ เกิดมาแล้วต้องตายทุกคน ก่อนตายก็ทำดี และทำดีต้องเข้าใจธรรมด้วย เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจธรรมก็ดีได้เพียงส่วนที่สะสมมา แต่ว่าถ้าดีเพราะเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น ความดีนั้นก็เพิ่มขึ้นมากขึ้น ไม่เห็นจะต้องกลัวตายเลย ใช่ไหม? ก็ต้องตายกันทุกคน วันนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ตายโดยวิธีไหนก็ได้ทั้งนั้น

~ หนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นคนนี้ แล้วก็จะเป็นคนนี้ได้อีกไม่นาน ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นคนนี้นานเท่าไหร่ ต่อไปก็จะเป็นคนใหม่ เพราะฉะนั้น คนใหม่ก็มาจากคนนี้ คนนี้ทำอะไรไว้สืบเนื่องมาจากแสนโกฏิกัปป์ ก็จะปรุงแต่งให้ขณะต่อไปจากโลกนี้ สู่โลกอื่น เป็นคนใหม่ และไม่รู้ว่ากรรมที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมด กรรมไหนจะให้ผล เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่ละเว้นแต่ละโอกาส แต่ละขณะมีค่าอย่างยิ่งที่ได้เข้าใจพระธรรม เพราะว่า ถ้าไม่มีแต่ละหนึ่งขณะ จะไม่มีทางที่จะเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น

~ ถ้าสะสมเหตุที่ดีมาแล้วที่จะได้ฟังพระธรรม ใครจะห้ามปรามอย่างไรไม่สำเร็จ เพราะว่า มีปัจจัยที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร จะไม่ให้ฟังธรรมก็ไม่ได้ เพราะว่าสะสมมาที่จะเห็นประโยชน์ จะให้ทำอะไรผิดๆ ถูกชักชวน ก็ไม่ไป เพราะว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้น ปัญญาที่ได้สะสมมาแล้วก็จะค่อยๆ นำไปสู่ความเข้าใจขึ้น และนำไปสู่กุศลธรรมทั้งปวง เพราะเหตุว่า ปัญญา รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด เมื่อรู้ว่าอะไรผิด จะทำสิ่งที่ผิดหรือ เพราะฉะนั้น ปัญญาจะไม่นำไปสู่ทางที่ผิดเลย แต่จะนำไปสู่ทางที่ถูก

~ คนที่เคยเห็นผิด อาศัยการฟังพระธรรม แล้วพิจารณา ย่อมเกิดความเห็นถูกได้ แต่ถ้าไม่ฟังและไม่พิจารณา ก็หมดหนทางที่จะเห็นถูกได้ ย่อมยึดถือความเห็นผิดว่า เป็นความเห็นถูกอยู่เรื่อยๆ แล้วเมื่อมีการสะสมความเห็นผิด จนกระทั่งเป็นปกติ เป็นอุปนิสัยที่มีกำลัง ย่อมจะทำให้ความเห็นผิดนั้นมีปัจจัยที่จะเกิดต่อไปอีก และจะเห็นผิดมากขึ้นอีกด้วย

~ พระผู้มีพระภาค ทรงเป็นผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึก แล้วเรากำลังฝึกหรือเปล่า หรือยังไม่ยอมจะฝึก ถ้าฝึกก็คือรู้ว่า กิเลสไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ความโกรธไม่ได้อยู่ที่คนอื่น ใครจะด่า จะว่า จะประทุษร้ายอย่างไร ความโกรธไม่ได้อยู่ที่การกระทำของเขาเลย แต่อยู่ในใจของคนที่ยังมีความโกรธนั้นอยู่

~ ใครก็ตาม (ถูกเขา) ว่าร้ายต่างๆ กายวาจาไม่ดีต่างๆ แล้วก็โกรธ เพราะคิดว่าเขาว่าร้าย หรือเพราะการกระทำของเขาไม่ดี แต่ลืมไปว่า ความโกรธอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ภายนอกเลย

~ คนที่จะเข้าใจธรรม ต้องคิด ต้องไตร่ตรอง ไม่มีข้อความใดเลยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะให้ไม่พูดหรือปิดวาจา แต่พูดด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ในคำที่ถูกต้อง พูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์พูดทำไม ปิดวาจามีประโยชน์ไหม แล้วไปปิดทำไม อะไรปิดวาจา? เรา ตัวตน เพราะฉะนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะให้เป็นตัวตนที่จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดประการแรก ก็คือ ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า เป็นธรรม ไม่มีเรา ไม่อย่างนั้นจะไม่ไปไหนเลย นอกจากอยู่กับความเป็นตัวตนและกิเลสทั้งหลาย

~ ต้องไม่ลืม เว้นคำพูดทุจริต ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้พูด ถ้าจะพูดทุจริต ก็เว้น แต่ไม่ได้บอกให้ปิดวาจา ต้องอ่านให้ละเอียดและเข้าใจให้ละเอียดทุกคำ

~ คำพูดดีๆ ไม่พูดหรือ? การสนทนาธรรมที่ดีๆ ไม่พูดหรือ? ปิดวาจาทำไม ต้องคิดต้องไตร่ตรองว่าอะไรถูกอะไรผิด แล้วก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง

~ คนเห็นผิด เป็นพาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คบ เพื่ออนุเคราะห์ ไม่ใช่ว่าไม่ต้องมาหรือว่าไม่ต้องมาเจอกัน แต่อะไรก็ตามที่จะเป็นประโยชน์ เขาเป็นพาล แต่เราไม่เป็น ถ้า คบ ก็คือ อนุเคราะห์ให้เขาเข้าใจถูก แต่ไม่ใช่ไปคบคือเป็นไปตามเขา

~ ไม่คบสิ่งที่ชั่วร้ายหรือเลวทราม ไม่คบกับความไม่ดี เพราะความไม่ดีทั้งหมด เป็นพาล

~ ไม่มีใครอยากมีทุกข์เลย แต่ทุกข์ก็เกิด เมื่อไหร่ใครจะรู้ แต่เมื่อมีเหตุ จึงเกิดได้ แก๊สระเบิด อะไรก็ตามแต่ ใครคิดว่าวันไหนเวลาไหนจะเป็นอย่างนั้น สำคัญที่เข้าใจว่าธรรม ไม่ใช่เรา ถ้าไม่มีเหตุที่จะให้เป็นอย่างนั้น ก็เป็นไม่ได้ ใครจะได้รับการกระทบกระเทือนแค่ไหนแต่ละคนไม่เหมือนกันไม่เท่ากัน ไปเปลี่ยนให้เหมือนกันได้ไหม? เพราะฉะนั้น ฟังธรรม ต้องรู้ว่าฟังเพื่อเข้าใจความจริงถึงที่สุดที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้

~ ชาตินี้ สำคัญมากไหม? เหตุการณ์ต่างๆ สำคัญมากไหม? หรือแค่คิดแล้วก็ว่างเปล่า ทุกขณะ แม้คิด ก็ดับ ทุกอย่างก็ว่างเปล่าทั้งนั้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้มั่นคงขึ้น จะเดือดร้อนมากเหมือนเคยไหม? ทำไมสิ่งนี้ไม่เป็นอย่างนั้น สิ่งนั้นไม่เป็นอย่างนี้ ลืมคำว่า อนัตตา และลืมว่าไม่มีอะไรเลยที่เป็นของใคร เป็นธาตุ (สภาพที่ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน) แต่ละหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงลักษณะของธาตุนั้นๆ ไม่ได้เลย

~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนที่ทำให้สงบจากอกุศล สงบจากความวุ่นวาย สงบจากทุจริตหรืออกุศลทั้งหมด ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ ถ้าได้เข้าใจแล้วทุกคนก็จะค่อยๆ สงบ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆ บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขแน่นอน เพราะว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของปัญญาที่ทำให้เกิดความสงบทั้งกาย วาจาและใจ จนกระทั่งสามารถที่จะดับความไม่สงบคือกิเลสทั้งหมดได้

* * ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ * *

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๗๘



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
kukeart
วันที่ 25 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 25 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
natthayapinthong339
วันที่ 26 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มกร
วันที่ 26 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sottipa
วันที่ 27 ต.ค. 2563

กราบอนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 28 ต.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
มังกรทอง
วันที่ 28 ต.ค. 2564

คิดว่าทำร้ายคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนทำร้ายคนอื่น ทำร้ายตนเองแล้ว ถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้จะดีขึ้นไหม จะไม่ทำร้ายใครแล้ว เพราะว่าการทำร้าย เกิดขึ้นจากจิตของเราที่เลวต่างหาก เพราะจิตเลว จึงสามารถทำสิ่งที่เลวได้ เพราะฉะนั้น โลกจะสงบขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น ประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
มังกรทอง
วันที่ 3 เม.ย. 2565

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ