เพื่อนมนุษย์

 
Natcharee
วันที่  28 มี.ค. 2563
หมายเลข  31675
อ่าน  607

มีหลักธรรมไหนบ้างที่สอนให้รักมนุษย์ทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะเป็นคนที่เราไม่ชอบ เชื้อชาติ ศาสนา ผิวพรรณ และความแตกต่างของมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ อยากเป็นคนที่มีใจเปิดกว้างมากกว่านี้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 มี.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 529

อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า เมตตา เพราะอรรถว่า ธรรมนี้มีในมิตรหรือว่า ย่อมเป็นไปเพื่อมิตร.


เมตตา คือ ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน หวังดีด้วยจิตที่ดี ไม่ติดข้องในบุคคลนั้น การอยู่ร่วมกันในสังคม คุณธรรมที่ดีอย่างหนึ่งคือ มีเมตตา เห็นใจและเข้าใจกันให้อภัยกัน ย่อมทำให้สังคมและการอยู่ร่วมกันนั้นเป็นไปในทางที่ดี แต่ความดี คือ เมตตา ไม่ใช่จะเกิดง่ายและเกิดเมตตาได้ทุกคน เมตตาที่แท้จริง ไม่ใช่ความติดข้อง การเจริญเมตตา ความเป็นมิตร เริ่มจากการเห็นประโยชน์ของความเป็นมิตรก่อน จึงมีเมตตากับคนรอบข้าง แต่จะให้มีเมตตากับทุกคนนั้น ยากที่จะเป็นไปได้ ครับ เพราะฉะนั้น ก็ค่อยๆ อบรมเมตตาในชีวิตประจำวัน ซึ่งเมตตาจะเจริญขึ้นได้ ก็ด้วยปัญญาที่มีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น อันเกิดจากการฟังพระธรรม ซึ่งที่น่าพิจารณาคือ ควาเมตตานั้นใกล้เคียงกับโลภะ ความติดข้อง ซึ่งขณะใดที่เมตตาไม่เกิด จิตย่อมคล้อยตามโลภะไปในอารมณ์ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่สังเกตจะไม่รู้เลยว่าจิตคล้อยตามโลภะอยู่เสมอ เมื่อมีความยินดีพอใจในอารมณ์ใด ก็กระทำตามความคิดตามความพอใจในอารมณ์นั้นทุกอย่าง ในขณะนั้นรู้ได้ว่าไม่ใช่เมตตา เมื่อรู้ลักษณะของโลภะแล้วภายหลังเมื่อเมตตาเกิด ก็จะเปรียบเทียบได้ถูกต้องว่า ลักษณะของโลภะต่างกับลักษณะของเมตตา การอบรมเจริญเมตตาไม่ใช่แต่เฉพาะเวลาที่เกิดโกรธ แม้แต่มิตรสหายวงศาคณาญาติ บุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ที่มีความผูกพัน ก็จะต้องพิจารณาให้รู้ความต่างกันของขณะจิตที่ประกอบด้วยเมตตา และขณะจิตที่ประกอบด้วยโลภะ ถ้าเป็นผู้ที่อบรมเจริญเมตตาจริงๆ จะไม่เว้นโอกาสใดเลย ไม่ใช่นึกจะเจริญเมตตาเฉพาะเวลาเกิดโทสะเท่านั้น

และที่สำคัญ ต่อให้มีเมตตากับทุกคนของคนที่อบรมณาน เมตตาฌาน แต่ก็ยังเป็นเราที่มีเมตตา สุดท้ายกิเลสที่สะสมความขุ่นใจ โทสะ ไม่ได้ละหมดสิ้น เพราะยังยึดถือว่าเป้นเราเมตตา เป็นเขาคนนั้นนี้ ดังนั้นเมตตาฌานเพียงแค่ระงับชั่วขณะเป็นฌาน ซึ่งก็พร้อมมีเหตุปัจจัยที่จะไม่เกิดเมตตา เกิดความโกรธได้ พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางละกิเลสจนหมดสิ้น ที่เป็นการรู้ความจริงในขณะนี้ว่า เมตตาก็ไม่ใช่เราเป็นธรรม อันเป็นหนทางการดับกิเลสที่แท้จริง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 29 มี.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๐๒

“… ธรรมดาว่า น้ำ ย่อมแผ่ความเย็นไปให้คนดีและคนเลวโดยเสมอกัน ชะล้างมลทินคือธุลี (สิ่งสกปรก) ออกได้ แม้ฉันใด แม้ท่าน ก็ฉันนั้นเหมือนกัน พึงเจริญเมตตาบารมี เจริญเมตตาไปสม่ำเสมอในชนผู้ทำประโยชน์และผู้ไม่ทำประโยชน์แล้ว ท่านจักบรรลุสัมโพธิญาณ


เมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดีไม่หวังร้าย เป็นกุศลธรรมซึ่งทำให้บุคคลทั้งหลายได้รับความผาสุก ทั้งกายและใจ เพราะว่า เป็นเหตุให้มีการเกื้อกูลอนุเคราะห์สงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ซึ่งโลกจะผาสุกอยู่ได้ก็ด้วยเมตตา เมตตา จึงเปรียบเสมือนน้ำที่ให้ความเย็น ให้ความชุ่มชื่นสำหรับทุกบุคคล ในวันหนึ่งๆ ทุกคนก็คงจะพิสูจน์ได้ในชีวิตประจำวันว่า ที่ได้รับความสุขนี้ เป็นเพราะแต่ละบุคคลมีเมตตาซึ่งกันและกัน นั่นเอง โดยไม่จำกัดเลย ดังนั้น เมตตา จึงเป็นธรรมที่ทำให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก มีความสุข ไม่เดือดร้อน

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นเครื่องเกื้อกูลที่ดีแก่ชีวิตของทุกคน เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นแห่งกุศลธรรม ไม่ได้มีคำสอนส่วนใดที่สนับสนุนให้เกิดกุศลเลยแม้แต่น้อย เมื่อกล่าวโดยความเป็นจริงของสภาพธรรมแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตนเลย มีแต่ธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
talaykwang
วันที่ 30 มี.ค. 2563

ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 1 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Somporn.H
วันที่ 7 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ