จตุธาตุววัตถาน

 
เบน
วันที่  6 มี.ค. 2550
หมายเลข  2989
อ่าน  2,836

การที่จะเจริญสติปัฏฐาน ต้องเริ่มต้นด้วยการเจริญจตุธาตุก่อน เพราะง่ายกว่าอย่างอื่น ไม่ทราบว่า จตุฐานเจริญง่ายกว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 7 มี.ค. 2550

การอบรมเจริญสติปัฏฐาน ควรเริ่มต้นด้วยการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจในความเป็นจริงของสภาพธัมมะ เมื่อเข้าใจความเป็น จริงของสภาพธัมมะ การค่อยๆ ศึกษาเพื่อรู้ตัวธัมมะที่กำลังปรากฏนั้น เป็นการอบรม เพื่อความรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดไม่มีการเลือกที่จะรู้ สิ่งใดก่อน แต่สิ่งใดปรากฏก็ศึกษาและรู้ความจริงของสิ่งนั้น โดยไม่จำเป็นต้องใส่ชื่อ ของสิ่งที่กำลังปรากฏ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
devout
วันที่ 8 มี.ค. 2550

ถ้ายังมีการเลือกปฏิบัติ แสดงว่า ยังขาดความเข้าใจในความเป็นอนัตตาของสภาพ ธรรม เหตุใดจึงเลือกปฏิบัติ...ถ้าไม่ใช่เพราะกระทำไปด้วยอำนาจของอกุศล คือ ความ หวังผลหรือโลภะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
PUM
วันที่ 10 มี.ค. 2550

เมื่อพิจารณาเห็นทุกอย่างโดยความเป็นธาตุ ย่อมไม่เข้าไปหมายมั่นว่า เป็น ตัวตน บุคคล เรา เขา เป็นเพียงแค่การเกาะกุมกันของธาตุตามเหตุปัจจัย เมื่อ สิ้นเหตุปัจจัย ธาตุที่เกาะกุมกันอยู่นั้นย่อมแตกสลายเป็นธาตุย่อยๆ เหมือนปราสาททรายที่เราก่อขึ้นที่ชายหาดเมื่อถูกคลื่นซัดย่อมแตกสลายเป็นเม็ดทรายตามเดิม ไม่เหลือรูปที่เป็นปราสาทให้เห็น

เมื่อพิจรณาใกล้เข้ามาที่ตัวเราทุกๆ อณูของร่างกายเราก็มาจาก ดิน น้ำ ลม และไฟ ก็คือ เนื้อหนังร่างกายเราสร้างจากอาหาร อาจจะเป็นพืชหรือสัตว์ ส่วน ประกอบของพืชก็มาจากดิน น้ำ ลม (ออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์) และไฟ (แสงแดด) เพราะฉะนั้นเมื่อคนหรือสัตว์กินพืช ก็เท่ากับรับเอาดิน น้ำ ลม และไฟของ พืชมาเป็นส่วนประกอบของร่างกาย เมื่อคนหรือสัตว์ตายลงร่างกายก็แตกสลายกลาย เป็นปุ๋ย เพราะฉะนั้น ส่วนต่างๆ ในร่างกายเราก็อาจจะเคยเป็น ส่วนประกอบของคน หรือสัตว์อื่นๆ มาก่อนนับไม่ถ้วนดังนั้น ร่างกายที่คิดว่าเป็นเราเป็นเขาแท้จริง แล้วเป็นของที่หยิบยืมกันใช้ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาก็ต้องคืนให้กับเจ้าของเดิมคือ ธรรมชาติ ร่างกายจึงเป็นเพียงแค่ยานพาหนะของจิตมิใช่อันหนึ่งอันเดียวกับจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Guest
วันที่ 10 มี.ค. 2550

ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม มีความหมาย ต่างจากดิน น้ำ ไฟ ลมของชาวบ้าน ทั่วไป เพราะความหมายว่า ธาตุ เป็นสภาพที่ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน สภาพที่สูญ จากสัตว์บุคคลส่วนดินในความหมายทั่วไป เป็นเพียงดินสมมติ ไม่ใช่ลักษณะของธาตุ ดิน ธาตุดิน ปรากฏให้รู้ในลักษะแข็งและอ่อน ธาตุน้ำ ปรากฏให้รู้ในลักษณะไหลและเกาะกุม ธาตุไฟ ปรากฏให้รู้ในลักษณะร้อนและเย็น ธาตุลม ปรากฏให้รู้ในลักษณะไหวและตึง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Guest
วันที่ 10 มี.ค. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
devout
วันที่ 10 มี.ค. 2550

รูปเกิดจากสมุฏฐาน ๔ คือ

รูปที่เกิดจากอุตุ ๑

รูปที่เกิดจากกรรม ๑

รูปที่เกิดจากจิต ๑

รูปที่เกิดจากอาหาร ๑

รูปเมื่อแตกย่อยจนละเอียดยิบ จะได้ส่วนที่เล็กที่สุดเรียกว่า กลาป ซึ่งต้องมีรูปรวมกัน อย่างน้อยที่สุด ๘ รูปเสมอ คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส โอชา รูปมีอายุเท่ากับการเกิดดับของจิต ๑๗ ขณะ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม รูปก็ทยอยกัน เกิดทยอยกันดับอยู่ตลอดเวลา ตามเหตุตามปัจจัย

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ