สนทนาธรรมที่เวียดนามครั้งที่ 11 (2)

 
kanchana.c
วันที่  5 ม.ค. 2561
หมายเลข  29398
อ่าน  2,807

หรือจะเป็นศาลาสุธัมมา?

วันสุดท้ายในช่วงแรกของการสนทนาธรรมที่ไซ่ง่อน (มี 2 ช่วง 30 ธ.ค. 60 - 1 ม.ค. 61 และ 6 - 7 ม.ค. 61) มีผู้ฟังที่ต้องเดินทางกลับภูมิลำเนามากราบลาท่านอาจารย์หลายคน รวมทั้งมาเรียนเชิญให้ไปสนทนาธรรมที่ญาจางในปี 2019 ด้วย หลายคนกราบขอบคุณที่ทำให้ได้ยินได้ฟังคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิตว่า ทุกอย่างเป็นธรรม และธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ท่านอาจารย์บอกพวกเขาว่า เป็นคำที่มาจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครคิดเองได้ จึงต้องฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่ง หลายคนมาขอถ่ายภาพและขอกอดท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงที่ท่านทำให้เขาได้ฟังคำจริง ท่านอาจารย์บอกว่า แล้วอย่างนี้จะไม่มาเวียดนามครั้งแล้วครั้งเล่าได้อย่างไร ท่านคงต้องมาเวียดนามอีกหลายครั้งตราบใดที่มีผู้เชิญให้มาแบ่งปันความเข้าใจพระธรรม

วันที่ 2 ม.ค. 61. ออกเดินทางจากไซ่ง่อนมาดาลัดด้วยสายการบิน vietjet ตอนสิบโมงเช้า ใช้เวลาเดินทาง 50 นาทีก็ถึงสนามบินดาลัด (ตอนนี้มีบินตรงจากกรุงเทพมาดาลัดแล้ว) จากนั้นเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถนนสร้างใหม่ กว้างขวาง รถไม่ติดเลย ทิวทัศน์ข้างทางก็สวยงามด้วยเนินเขาล้อมรอบ มีป่าสนสูงใหญ่ตามข้างทางมากมาย (ดาหลัดมีชื่อเสียงเรื่องป่าสนที่มีมากที่สุดในประเทศ) ที่เกาะกลางถนนปลูกกุหลาบออกดอกบานสะพรั่ง รวมทั้งดอกไม้เมืองหนาวสีสดใสตามวงเวียนและสองข้างทาง บ้านเมืองสะอาด อากาศหนาวเย็นกำลังสบาย น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก ต่างจากเมืองไซ่ง่อนที่จากมาลิบลับ ถามคุณถาย ผู้จัด ว่าทำไมไม่จัดสนทนาธรรมที่ดาลัดเสียเลย เธอบอกว่าที่นี่ทางการเข้มงวดกับกิจกรรมทางศาสนายิ่งกว่าเมืองใด ยิ่งกว่าฮอยอันที่ให้เราหยุดการสนทนาธรรมในวันสุดท้ายเมื่อครั้งก่อน

สหายธรรมเวียดนามหลายคนเดินทางด้วยรถบัสออกจากไซ่ง่อนตอนตีห้ามาสมทบกันที่ภัตตาคารในเมืองตอนเที่ยงพอดี อาหารเที่ยงมื้อแรก สหายธรรมที่ดาลัดเป็นเจ้าภาพ อาหารอร่อยตามแบบเวียดนาม ที่พิเศษคือผักสดกรอบหวานอร่อย เพราะดาลัดเป็นเมืองเกษตรกรรม ปลูกผัก ผลไม้ ดอกไม้ให้คนทั้งเวียดนาม ได้ทานซุปขาหมูในอาติโชคดอกใหญ่ มีหม้อไฟที่เป็นต้มยำเวียดนามทานกับขนมจีน ขอบคุณและอนุโมทนาเจ้าภาพทั้งหลายด้วยค่ะ

จากร้านอาหารเดินทางมาที่ Ana Mandara Villas Dalat Resort & Spa ที่อยู่ใกล้เมือง ห่างไป 2 กม. มีรถรับส่งจากโรงแรมไปตลาดวันละ 2 รอบ ถ้านั่งแท๊กซีก็จ่ายเที่ยวละ $1 ที่นี่จะเป็นบ้านของเราไปอีก 4 วัน 3 คืน เป็นบ้านแบบวิลลาหลายๆ หลัง ตั้งแต่หลังที่ 1 ถึง 26 ปลูกลดหลั่นไปตามไหล่เขาในพื้นที่กว้างใหญ่ มีต้นสนขนาดใหญ่มากมาย อากาศสะอาดบริสุทธิ์เย็นสบาย

พวกเราส่วนใหญ่พักที่วิลลา 22 ที่ใหญ่ที่สุดมี 3 ชั้น 6 ห้องนอน มีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ มีเตาผิง ใช้เป็นที่สนทนาธรรมทั้งเช้าและบ่าย เป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์ยิ่งนัก อดคิดถึงศาลาสุธัมมาบนสวรรค์ไม่ได้ คงจะสวยงามกว่านี้มาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเข้าใจธรรม ณ ที่ใด ที่นั่นเป็นศาลาสุธัมมา สถานที่น่ารื่นรมย์ที่สุดในสังสารวัฏ

คณะคนไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ไปเที่ยวชมเมืองกับสนทนาธรรม เราในฐานะผู้รายงานข่าวก็ควรออกไปสำรวจเมืองให้ทั่วก่อน บ่ายวันแรกมีรถบัสพาไปเที่ยวพร้อมกับไกด์เวียดนามพูดภาษาอังกฤษ ที่แรกที่ไป คือ Clay Tunnel อุโมงค์ดินเหนียว ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อครั้งก่อนที่มาดาลัด ที่พักครั้งนั้นอยู่ใกล้ๆ กับที่นี่ เมื่อรถวิ่งผ่านหน้ารีสอร์ทก็จำได้ มาคราวนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว. เป็นทางเดินขึ้นลงตามไหล่เขาเตี้ยๆ สองข้างปั้นดินเหนียวเป็นรูปสัตว์ สิ่งของขนาดใหญ่ บ้างก็เป็นปริศนาธรรม เช่นลิงปิดตา ปิดปาก ปิดหู รถไฟขนาดใหญ่ รถม้า มอเตอร์ไซค์ ให้ขึ้นไปถ่ายภาพ ก็สนุกดี แต่ไม่น่ารื่นรมย์ใจ เพราะไม่ตรงกับอุปนิสัยที่ชอบชมธรรมชาติสวยงาม ภูเขา ต้นไม้ ดอกไม้ ทะเลสาป ทะเล ชายหาด เกาะแก่งที่เกิดเองตามธรรมชาติ ไม่ใช่ประดิษฐ์ขึ้นมาแบบนี้ ถ้าจะประดิษฐ์ก็ต้องฝีมือระดับโลก นายใหญ่จึงจะพอใจ เมื่อไม่ตรงกับความต้องการของนายใหญ่ ก็เลยนึกถึงคำของท่านอาจารย์ขึ้นมาได้ว่า “เห็นเพื่อลืม” วันต่อมาเลยตัดสินใจอยู่สนทนาธรรม ไม่ออกไปสำรวจเมืองแล้ว (เพราะเคยมาดาลัดแล้ว 2 ครั้ง)

ในการสนทนาธรรม คุณตั้ม บัค เล่าว่า มีผู้ฟังบางคนได้ยินสนทนากันเรื่องเห็น ได้ยิน ... ก็ออกไป เพราะเห็นว่า เรื่องเห็น ได้ยิน ธรรมดาเกินไป ไม่เห็นจะเป็นบุญกุศลตรงไหน จะทำให้เข้าใจพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่บอกว่าลึกซึ้งยิ่งนักได้อย่างไร ที่เมืองไทยก็เหมือนกัน มีบางคนไม่มาฟังอีกเลยบอกว่าท่านอาจารย์พูดซ้ำซากเรื่องเห็น ได้ยิน เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ซึ่งน่าจะคิดได้ว่า ธรรมลึกซึ้งอย่างยิ่ง ขนาดพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังไม่เข้าใจ ยังไม่ประจักษ์อย่างที่ได้ยิน แล้วฟังครั้งเดียวหรือไม่ฟังเรื่องนี้เลย จะเข้าใจได้อย่างไร

ท่านอาจารย์อธิบายว่า เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึก เป็นอารมณ์ของบิดา คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้แล้วทรงทราบว่า ที่โลกปรากฏเพราะมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก จึงมีโลกทางตา โลกทางหู โลกทางจมูก โลกทางลิ้น โลกทางกาย โลกทางใจ เมื่อรวมกันจึงเป็นโลกที่วิจิตรที่คนเขลาข้องอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่ เพราะผู้รู้ประจักษ์จริงๆ ว่า เป็นเพียงจิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลยในสังสารวัฏ แต่เพราะการเกิดดับสืบต่ออย่างรวดเร็วจึงปรากฏเป็นนิมิต เครื่องหมายให้บัญญัติ รู้ร่วมกันว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นโลกที่เต็มไปด้วยสัตว์ บุคคล สิ่งของมากมาย ผู้เขลาเช่นเรายังไม่รู้จึงยึดถือในสิ่งที่เกิดแล้วดับหมดไปว่า เป็นเรา เป็นของเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ทรงน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงธรรมเพราะธรรมลึกซึ้งยากที่จะรู้ตามได้ แม้ธรรมปรากฏเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่า ดับแล้ว หมดแล้ว เพราะมีสิ่งใหม่เกิดต่อทันที จึงทรงพระมหากรุณาแสดงธรรมโดยละเอียดถึง 45 พรรษา โดยนัยต่างๆ ให้ผู้ที่สะสมความเข้าใจมาบ้างแล้วสามารถเข้าใจจนทะลุปรุโปร่งว่า ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อเข้าใจอย่างนี้เพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยก็ละคลายความติดข้องในความเป็นตัวตนเพิ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยเช่นกัน เมื่อความไม่รู้ที่สะสมมาเนิ่นนาน กำหนดเวลาไม่ได้ แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังสะสมความไม่รู้ทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ค่อยๆ สึกไปเหมือนจับด้ามมีด

ทั้งหมดที่เล่าให้ฟังประมวลมาจากความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยจากการฟังท่านอาจารย์บรรยาย ไม่ใช่เฉพาะการสนทนาที่ดาลัดคราวนี้ รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของท่านเหมือนสหายธรรมเวียดนามที่กราบท่านอาจารย์ว่า ทำให้ได้ยินได้ฟังสิ่งที่หาฟังได้ยากอย่างยิ่ง ในสังสารวัฏที่ยาวนานจะได้ยินอย่างนี้สักกี่ครั้ง ได้ยินแล้วเข้าใจขั้นฟังยิ่งน้อยกว่า ไม่ต้องพูดถึงขั้นประจักษ์แจ้ง และเดาได้ว่า ท่านอาจารย์จะตอบว่า ไม่ใช่คำของท่าน แต่เป็นคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลังการสนทนาธรรมในบ่ายวันที่ 4 ม.ค. 2561 สหายธรรมเวียดนามอวยพรวันเกิดให้ท่านอาจารย์ล่วงหน้า คุณตั้ม บัค กล่าวว่า ท่านอาจารย์เป็นบุคคลพิเศษ วันคล้ายวันเกิดของท่านก็พิเศษสำหรับทุกคนด้วย ขอกราบขอบคุณที่มาเผยแพร่ความจริงที่หาฟังได้ยากยิ่งแก่คนเวียดนาม ท่านอาจารย์ตอบว่า มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาเวียดนาม และขอบคุณสำหรับของขวัญที่มอบให้ แต่ของขวัญที่อยากได้มากที่สุด คือ ความเข้าใจธรรมของทุกคน

ที่นี่เป็นศาลาสุธัมมาแล้ว เพราะเป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ทั้งบรรยากาศและความปีติตื้นตันใจในกุศลจิตที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ทั้งหมดเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงที่ทำให้ได้มีส่วนเข้าใจความจริง แม้เพียงเล็กน้อยขั้นฟังและพิจารณาบ้าง แต่ก็มีศรัทธามั่นคงที่จะฟังต่อไป พิจารณาต่อไปจนกว่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งค่ะ

ขอนอบน้อมต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 5 ม.ค. 2561

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณมากค่ะพี่แดง (พล.อ.ต.กาญจนา เชื้อทอง) ที่นำเรื่องราวการเดินทางไปสนทนาธรรมที่เวียตนามมาถ่ายทอดค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มกร
วันที่ 5 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 5 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 5 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 5 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สิริพรรณ
วันที่ 5 ม.ค. 2561

กราบอนุโมทนา บูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์เป็นอย่างสูงยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณในกุศลจิตพี่แดง (อาจารย์กาญจนาเชื้อทอง) ที่ได้เอื้อเฟื้อให้ผู้อยู่ข้างหลังได้ปิติใจเหมือนได้ฟังท่านอาจารย์ทุกครั้งด้วยค่ะ

อนุโมทนาในกุศลจิตสหายธรรมชาวเวียดนามด้วยค่ะที่มีขณะที่ประเสริฐยิ่งแล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 5 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
thilda
วันที่ 6 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jirat wen
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
siraya
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chvj
วันที่ 16 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 17 ม.ค. 2561

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ