การให้ทานกับการตั้งความปรารถนา

 
ฉีฟ่งจื้อ
วันที่  7 มี.ค. 2560
หมายเลข  28660
อ่าน  717

เรียน ท่านวิทยากร

การให้ทานถ้าตั้งความปรารถนาไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อจะได้ฟังธรรมกับเหล่าพระโพธิสัตว์ จะถือว่าเป็นโลภะได้ไหม ครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 มี.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิตของใครก็ของคนนั้น ซึ่งผู้นั้นเป็นผู้รู้เองเป็นสำคัญครับ ซึ่ง ขณะที่หวังต้องการ ด้วยความติดข้องก็ไม่พ้นจากโลภะ ซึ่งโดยมาก ก็จะมีการทำบุญเพื่อปรารถนาให้เกิดในสรรค์ชั้นต่างๆ เพื่อได้ฟังพระธรรม ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปจจัย แทนที่จะหวังน้ำบ่อหน้าที่ยังมาไม่ถึง ชาตินี้ได้มีโอกาสได้พบพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และยังไม่อันตรธาน ได้เกิดเป็นมนุษย์และอยู่ในประเทศที่สมควร ควรอย่างยิ่งที่จะอบรมปัญญาศึกษาพระธรรมตามกำลังของปัญญาเท่าที่ทำได้ เพราะหากไม่สะสมความเข้าใจในชาตินี้ ปัญญาไม่มีเพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรม เพียงแต่ทำบุญมุ่งหวังในการเกิดชาติที่พบพระโพธิสัตว์ หากได้พบจริง แต่ไม่มีความเข้าใจที่ได้สสะสมมา ก็ไม่เข้าใจพระธรรมที่พระองค์ได้แสดงในชาตินั้น แม้จะได้พบพระองค์ก็ตามครับ

เพราะฉะนั้น สะสมความเข้าใจในชาตินี้ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น เมื่อได้พบผู้ที่เข้าใจพระธรรม ไม่ว่าใครในชาติใด เมื่อได้มีโอกาสฟังอีกก็ำทำให้เข้าใจมากขึ้น โดยไม่ต้องรอผลภายหน้า ดังนั้น ผู้ที่ไม่ประมาท คือ เริ่มจากการอบรมเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เวลาอื่นๆ เพราะความเข้าใจพระธรรมที่เจิญขึ้น ก็เป็นบุญเก่าที่เป็นปุพเพกตปุญญตา ทำให้บุญนั้นน้อมไปที่จะได้พบสัตบุรุษเอง ได้ฟังพระธรรมจากสัตบุรุษ แม้จะไม่ได้อธิษฐานที่จะได้พบพระโพธิสัตว์ สวรรค์ชั้นดุสิต แต่เพราะบุญที่เกิดจากการเข้าใจพระธรรมก็ทำให้น้อมไปที่จะได้พบบัณฑิตในอนาคตเองในอนาคต เหมือนชาตินี้ที่เราได้พบพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้า คือ ศาสดาแทนพระองค์นั่นเองครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 มี.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ยากที่จะพ้นจากอำนาจของความอยาก ซึ่งเป็นทาสของความอยากมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ แม้ให้ทานแล้วหวังผลอยากเกิดในสวรรค์ ก็ไม่พ้นจากความอยาก เพราะฉะนั้นแล้ว ที่จะมีค่าและเป็นการสะสมอุปนิสัยที่ดี คือ แทนที่จะไปคิดว่าจะไปฟังธรรมบนสวรรค์ ก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะถ้าไม่ฟังตอนนี้ ไม่สะสมอุปนิสัยในการฟัง แล้วจะมีเหตุปัจจัยให้ได้ฟังได้อย่างไร ก็อาจจะเป็นไปกับความเพลิดเพลินในสวรรค์ก็ได้ ไม่สนใจฟังพระธรรมและยิ่งถ้าเกิดในอบายภูมิแล้ว ขณะนั้นก็ไม่ได้ฟังพระธรรม จึงควรอย่างยิ่งที่จะเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่จะศึกษาธรรม เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ฟังส่วนไหน ศึกษาส่วนไหนแล้วเข้าใจขึ้น นี่แหละคือการเริ่มต้นค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย การฟังบ่อยๆ เนืองๆ จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ทำให้มีความมั่นคงในเหตุในผลของธรรม จนกว่าจะประจักษ์แจ้งได้จริงๆ ว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง ครับ.

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 9 มี.ค. 2560

สาธุๆ ๆ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณตาใจบุญ
วันที่ 10 มี.ค. 2560

ขอบคุณครับ อนุโมทนาสาธุ ต้องฟังพระธรรมไปตั้งแต่บัดนี้ ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 11 มี.ค. 2560

จิตเกิดดับรวดเร็ว เดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล ตามการสะสม การให้ทานเพื่อจุดประสงค์สละกิเลสจึงจะเป็นบารมี ถ้าปรารถนาอย่างอื่นก็ยังวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
2491surin
วันที่ 12 มี.ค. 2560

พูดถึงการให้ทานก็คือ เป็นการให้เพื่อละความตระหนี่ ให้ทานโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน ให้ทานบ่อยๆ เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นบารมี เมื่อถึงเวลากรรมก็จะให้ผลเองตามเหตุตามปัจจัย ตามการสะสม เพราะทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา สาธุ

ขออนุโมทนาครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 13 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สุณี
วันที่ 13 มี.ค. 2560

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 14 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ