ธรรมมาภิสมัย ที่เมืองสาวัตถี เชตวัน
คณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ นำโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เดินทางไปประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 13-23 พฤศจิกายน 2559
วันแรกคณะชมรมบ้านธัมมะออกเดินไปเมืองเดลี ในตอนเช้าวันที่ 13 พ.ย. และบ่ายก็เดินทางต่อโดยเครื่องบินเข้าเมืองลัคเนาว์ ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราในวันพรุ่งนี้คือ เดินทางโดยรถจากเมืองลัคเนาว์ ถึง เมืองสาวัตถี ณ พระวิหารเชตวันอันเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษานานที่สุด 19 พรรษา และแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกมากมาย
ทั้งสองกลุ่ม คือ กลุ่มท่านอาจารย์ที่ไม่ได้ไปสังเวชนียสถานครบสี่แห่ง แต่จะอยู่ที่พระเชตวันนานที่สุด ตั้งแต่เคยไปอินเดียมา คือ อยู่พักที่นี่สามคืน เพื่อเจริญกุศลอบรมปัญญา ณ สถานที่อันเลิศประเสริฐ ด้วยการสนทนาธรรม ส่วนอีกกลุ่มจะเดินทางไปสังเวชนียสถานครบสี่แห่ง แต่ก็ไปพร้อมกันที่พระวิหารเชตวันเมืองสาวัตถีพร้อมกันทั้งสองกลุ่มในวันที่ 14 พ.ย. 59
สองปีที่แล้ว คณะเราเดินทางไปพระเชตวัน เจอพายุฝนตลอดทาง ทางก็ไม่ดี เดินทางแต่เช้า กว่าจะถึงเย็น ไม่มีเวลาสนทนาธรรม ได้แต่ประทักษิณเวียนเทียนเล็กน้อย แต่ปีนี้ การเดินทางผิดไป ถนนดีขึ้นมากครับ ไม่มีฝน ทั้งรถบัสห้าคัน มุ่งหน้าสู่พระเชตวันตอนเจ็ดโมงเช้า และ 11.30 น เดินทางถึง รร ที่พักที่เมืองสาวัตถีแล้ว เร็วที่สุดตั้งแต่ไปอินเดียมา ทุกคนประหลาดใจว่าถึงเร็วจริงๆ ช่างเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่จะได้มีโอกาสเจริญกุศล อบรมปัญญา ณ พระวิหารเชตวันได้นานแน่นอน

วันที่ 14 พย 2559 ของปีนี้ เป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง ซึ่งก็ตรงกับวันที่ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานพอดี จึงนับว่าเป็นช่วงวันเวลาที่ประเสริฐที่ได้ไปพระวิหารเชตวัน สถานที่ที่เต็มไปด้วยรอยพระบาทของพระพุทธองค์ที่ทรงประทับและแสดงธรรมโปรดมหาชนและสัตว์โลกมากมายและเต็มไปด้วยรอยเท้าของพระอริยสาวกทั้งหลาย รวมทั้งรอยเท้าของท่านพระสารีบุตร อัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญา สามารถแก้ปัญญาพุทธวิสัยได้ และ เปรียบตัวเองดั่งเช่น ผ้าเช็ดธุลี



ท่านอาจาย์จึงให้เปิดเทปท่านพระสารีบุตรที่พระเชตวันและสนทนาธรรม นับว่านำมาซึ่งความซาบซึ้งปิติเป็นอย่างมากกับคณะของเรา


หลังจากคณะบูชาด้วยพระธรรมเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์ก็นำคณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ ไปที่ หน้าพระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า และได้กล่าวคำบูชาอันไพเราะ ที่เป็นคำบูชาพระเชตวัน ที่ว่า
ต่อไป ก็จะเป็นคำบูชาพระวิหารเชตวัน ซึ่งกล่าวนำโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหาร-วนเขตต์ ในเย็นวันอาทิตย์ที่ ๑๔ พ.ย ๕๙ ดังต่อไปนี้
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้พร้อมใจกัน เดินทางมาถึงพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี เพื่อกราบนมัสการแทบรอยพระบาทที่สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับและทรงแสดงพระธรรม ข้าพเจ้า ขอถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระธรรม เป็นที่พึ่ง ขอถึงพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมปัญญา อันเป็นเหตุให้ประพฤติปฏิบัติขัดเกลาละคลายกิเลส จนกว่ากิเลสทั้งปวงจะดับหมดสิ้นไป

หลังจากกล่าวคำบูชาพระเชตวันแล้ว คณะของเราก็เดินประทักษิณ สามรอบ พระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า นำมาซึ่งความปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง




















หลังจากทำประทักษิณ เวียนเทียนเสร็จ ทางคณะก็เดินทางกลับ รร ที่พัก และ จะมีการสนทนาธรรมในวันพรุ่งนี้
เช้าวันที่ 15 พ.ย. 59
ทางคณะของเรา บางท่านที่ยังไม่เคยมาอินเดีย ก็ไปพระเชตวันอีกครั้ง ส่วนท่านอาจารย์ได้ปรารภกับผมว่า ควรสนทนาธรรมในที่ที่เหมาะสม คือ ที่ รร ที่จะได้นาน ในเมืองสาวัตถี ก็จะเป็นการบูชาอันสูงสุด ซึ่งเริ่มเวลา 09.00 น และก็ได้มีการสนทนาธรรมและถ่ายทอดสดให้ผู้ที่อยู่ทั่วโลก และเหตุปัจจัยพร้อมที่ โสตวิญญาณจะได้ยินเสียงที่ประเสริฐ เนื้อหาสาระดีมากๆ ในเช้าวันนั้นและภาคบ่าย ท่านอาจารย์แสดงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม และ ความเป็นปกติ ในการอบรมหนทางในการดับกิเลส ที่ไม่ใช่การบังคับ แต่เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เป็นต้น











และ ช่วงสายๆ ทางคณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ ก็เจริญกุศลทุกประการ สั่งอาหารอินเดีย เลี้ยงเด็ก ที่ รร เด็กอินเดีย ใกล้ๆ พระเชตวัน เด็กๆ มีความสุข คณะของเราก็มีความสุข เพราะ ความดี ไม่นำมาซึ่งโทษเลย ครับ








ปัญญาเมื่อเจริญมากขึ้นก็เจริญกุศลอื่นๆ มากขึ้น ทั้งทาน ศีล ภาวนา นี่คือ ปัญญาจึงเป็นหัวหน้าของกุศลธรรมทั้งหลาย
ท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านก็ไม่ละเลยโอกาส เจริญกุศลทุกประการ เมื่อเจอคนยากไร้ ท่านก็ให้ ตามโอกาสสมควร ครับ


จบครบการเจริญกุศลของคณะชมรมบ้านธัมมะ มศพ ร่วมสองร้อยกว่าท่าน นำโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เมืองสาวัตถี พระเชตวัน ในช่วงวันที่ 14-16 พ.ย. วันที่ 17 พ.ย. 59 กลุ่มท่านอาจารย์จะออกเดินทางไปเมืองปัตนะ ส่วนกลุ่มไปครบสี่แห่ง ก็ออกเดินทางไป ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ที่ปัจจุบัน คือ ประเทศเนปาล ออกเดินทางไปในวันที่ 15 และ จะนมัสการรอยพระบาทของพระพุทธองค์เมื่อแรกประสูติ ในวันที่ 16 พ.ย. 59 ก็จะนำภาพและเรื่องราวดีๆ มาให้สหายธรรมฟัง
ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาท่านอาจารย์สุจินต์ และคณะทุกท่านค่ะ
เครื่องบูชาจัดทำได้ประณีตและสวยงามมากค่ะ
ขอกราบอนุโมทนากับท่านอ.สุจินต์ และ ญาติธรรมทุกๆ ท่านค่ะ

















