ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๒

 
khampan.a
วันที่  28 ส.ค. 2559
หมายเลข  28136
อ่าน  2,563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๒

~ การฟังพระธรรม แต่ละวัน ก็เพื่อเข้าใจขึ้น

~ น่าสงสารคนไม่ดี และถ้ามีทางจะช่วยได้ จะช่วยไหม ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนจะได้รู้ว่า เวลาพบคนไม่ดี จิตใจหวั่นไหวหรือเปล่า หรือมีความเป็นมิตร แม้ว่าเขาไม่ดี คือ ไม่เป็นศัตรูกับเขาเลย พร้อมจะเกื้อกูล ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ ไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ

~ ตราบใดที่ยังมีความเข้าใจผิด ไม่ได้ไตรตรองความละเอียดในข้อปฏิบัติให้ถูกต้องจริงๆ แล้วท่านย่อมจะปฏิบัติผิด เพราะฉะนั้น เรื่องของการอบรมเจริญปัญญานี้ ต้องให้เหตุตรงกับผล และให้ผลตรงกับเหตุ ถ้าเหตุไม่ตรงกับผล ผลไม่ตรงกับเหตุ ไม่ใช่ผลที่แท้จริง ไม่ใช่เหตุที่แท้จริง จะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ทำให้เข้าใจข้อปฏิบัติที่ผิดว่าเป็นข้อปฏิบัติที่ถูก ย่อมเป็นเหตุให้เกิดความวิวาทได้

~ ที่สำคัญที่สุด คือ ขออย่าได้เข้าใจผิด คลาดเคลื่อนในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะต้องอบรมเจริญนานสักเท่าไร กี่ภพ กี่ชาติ ก็ตาม อย่าใจร้อน หรือรีบที่จะไปเป็นพระอริยเจ้า โดยไม่ได้อบรมปัญญาจริงๆ ที่จะเป็นความรู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะเหตุว่า การเห็นผิดนี้ ไม่ยาก (คือ เห็นผิด ได้ง่ายมาก)

~ ถ้าเกิดพูดเท็จขึ้นขณะใด แสดงให้เห็นถึงสภาพจิตที่เสื่อมแล้ว เพราะอกุศลธรรมในขณะนั้น

~ ถ้าท่านคิดถึงอกเขาอกเรา เขาถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง กระทบกระเทือนเสียหายแก่ชื่อเสียงเกียรติยศเพียงไร ถ้าเป็นตัวท่านก็เหมือนกัน ถ้าคิดอย่างนี้ได้อาจจะเกิดหิริ (ความละอาย) แล้วก็พิจารณาไตร่ตรองสอบสวนเรื่องราวจริงเท็จก่อนที่จะพูด รวมทั้งก็คงจะพิจารณาด้วยว่า เป็นเรื่องที่ควรหรือไม่ควรที่จะพูด ถ้าไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ควรที่จะทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายหรือว่าเสื่อมเสียชื่อเสียง

~ ทุกคน ทุกท่าน ที่เคารพในธรรม ไม่เห็นว่าจะลำบากในการที่จะทิ้งความเห็นผิดเลย และไม่ลำบากที่จะเริ่มต้นในสิ่งที่ถูก เพราะว่าถ้าไม่เริ่มต้น ยิ่งผิด ยิ่งละยาก ถูกยากขึ้น

~ ถ้าท่านคบหาสมาคมกับคนเห็นผิด โน้มเอียงไปในทางความเห็นผิด ขาดการพิจารณา ไตร่ตรองโดยแยบคาย ท่านก็ย่อมจะคล้อยตามโน้มเอียงไปในความเห็นผิดนั้น แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่คบหาสมาคมกับผู้ที่มีความเห็นถูก ท่านก็จะได้รับการชักจูงโน้มเอียงไปในการที่จะเป็นผู้ละเอียด และเป็นผู้ที่พิจารณาคล้อยตามคลองของธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นความเห็นถูกด้วย

~ ถ้าระลึกถึงความตาย ก็สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องทิ้งสิ่งที่ผิดโดยเร็วที่สุด ที่สามารถจะทำได้ แล้วก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยังมีเวลา

~ เกิดมาแล้ว เป็นมิตรต่อกัน มีความหวังดีต่อกัน คนที่เป็นมิตรไม่ได้หวังร้ายต่อใครเลย เพราะฉะนั้น ใครที่ไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่ได้เข้าใจพระธรรมวินัย แล้วประพฤติผิด เป็นโทษอย่างยิ่ง ผู้ที่มีความเป็นมิตรคือเมตตา อยากจะให้เขาเกิดในนรกไหม อยากจะเห็นคนที่มองเห็นกันอยู่ในชาตินี้ไปเกิดเป็นเปรตไหม? ก็น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะอนุเคราะห์ ก็คือ ไม่มีคำใดของใคร นอกจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงทั้งพระธรรมและพระวินัย ให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามได้รู้จักว่า ประพฤติปฏิบัติตามในเพศใด ในเพศคฤหัสถ์หรือว่าในเพศบรรพชิต เราก็เป็นมิตรทั้งสองฝ่าย คือ ไม่ว่าจะเป็นคฤหัสถ์หรือบรรพชิต ก็ด้วยการกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงให้ถูกต้อง

~ ตายแน่ทุกคน แต่ขอให้เป็นความดีที่ได้ทำ ไม่ใช่ความชั่วที่ได้ทำแล้วไม่แก้ไข


~ ช่วยให้เขาเข้าใจถูกต้อง นี้คือหน้าที่ของผู้ที่จะสงเคราะห์ เป็นเพื่อนที่ดี (กัลยาณมิตร) ระหว่างพุทธบริษัทด้วยกัน คือให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัด ไม่ใช่ให้ใครมาดูสิ่งที่สวยๆ งามๆ ใหญ่โตมโหฬาร


~ กิเลสเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้น ปิดบัง ปัญญาเท่านั้นที่จะเห็นได้

~ ถ้าใช้คำว่าชาวพุทธ หมายความว่า คนนั้นต้องเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงนับถือ และเข้าใจ และเรียกตัวเองว่าชาวพุทธ มิฉะนั้นแล้ว จะเป็นชาวพุทธโดยไม่เข้าใจพระธรรม ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร ก็เป็นชาวพุทธโมฆะ ว่างเปล่า ไม่ได้ประโยชน์เลย และไม่ถูกต้องด้วย เพราะว่าประเทศมีผู้นับถือพระพุทธศาสนามาก แล้วทุกคนก็เป็นชาวพุทธ แต่พฤติกรรม ความประพฤติทั้งหลายไม่ถูกต้อง และไม่เป็นไปในทางกุศล เป็นชาวพุทธหรือเปล่า อายไหม ถ้าคนอื่นจะบอกว่า นี่คือ การกระทำของชาวพุทธ

~ ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้อกุศลเกิด ไม่สามารถที่จะให้กุศลเกิด เป็นไปได้ตลอด แต่ธรรมก็จะทำให้เป็นผู้ที่ตรงต่อธรรม ธรรมที่เป็นกุศลก็เป็นกุศล ธรรมที่เป็นอกุศลก็เป็นอกุศล แล้วถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญา ปัญญานั้น ถึงแม้อกุศลเกิด ก็ยังสามารถที่จะรู้ความจริง และไม่เป็นไปในอกุศลกรรมบถ ที่จะเป็นเหตุให้เกิดเป็นอกุศลวิบาก

~ ปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกคนมี แต่เป็นสิ่งซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ โดยอาศัยการฟัง การพิจารณา การไตร่ตรอง การสนทนา การเห็นประโยชน์ แล้วก็การฟังเพิ่มขึ้น เข้าใจเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น

~ เพราะความไม่รู้ต่างหาก เราจึงสะสมสิ่งที่ไม่ดีไว้มาก

~ ใครที่ไม่เข้าใจธรรม พระศาสนา คำของพระพุทธเจ้า ก็อันตรธานไปแล้วจากเขา ไม่ฟังพระธรรม พระธรรมจะไม่อันตรธานหรือ? เพราะคนที่ฟังพระธรรมเท่านั้น ที่พระศาสนายังไม่อันตรธาน แต่ใครก็ตามที่ไม่ฟัง พระศาสนาอันตรธานจากคนนั้นแน่นอน

~
ใครห่วงใยพระพุทธศาสนา ก็ศึกษาพระพุทธศาสนา (ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ให้เข้าใจ

~ แม้คุณความดีในชีวิตประจำวัน ที่สามารถจะเป็นไปได้ทีละเล็กทีละน้อย ก็ยังไม่กระทำ แล้วจะหวังอะไรที่จะขัดเกลากิเลสจนกระทั่งรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

~ ความจริง ผ้ายันต์ ควรจะเป็นผ้าที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่ควรจะบูชา เพราะเหตุว่าเกิดจากความไม่รู้ ความติดข้อง ความหลงงมงา

~ อกุศลทั้งหลาย จะนำมาซึ่งผลที่ดีงาม ไม่ได้เลย

~ การเป็นพระภิกษุ ต้องตรง ต้องสะอาด ต้องบริสุทธิ์

~ กิจของพระภิกษุ ก็คือ ศึกษาพระธรรมและประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย

~ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม ไม่เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น

~ ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม ไม่สามารถรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ เพราะไม่เข้าใจธรรม

~ ทางเดียวที่จะทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา คือ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

~ สังคมคฤหัสถ์ก็ทำหน้าที่ของคฤหัสถ์อยู่แล้ว บรรพชิตก็ต้องทำหน้าที่ของบรรพชิต, บรรพชิตจะไปทำหน้าที่ของคฤหัสถ์ ก็คือว่า พ้นจากความเป็นภิกษุ เป็นคฤหัสถ์จึงทำหน้าที่ของคฤหัสถ์ได้

~ พระภิกษุมีหน้าที่ช่วยสังคม แน่นอน แต่ไม่ใช่ช่วยอย่างคฤหัสถ์ ช่วยสังคมที่ประเสริฐกว่าคฤหัสถ์ ก็คือ ศึกษาธรรม
เมื่อเข้าใจแล้ว ช่วยสังคมให้เข้าใจถูกต้องด้วย ไม่เข้าใจผิด ... ช่วยทั้งชีวิต จากความไม่รู้เลย เป็นความเข้าใจถูก เมื่อมีความเข้าใจถูกแล้ว
มีหรือที่จะประพฤติไม่ดี เป็นการช่วยสังคมตั้งแต่ต้น

~ พระพุทธศาสนา คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้มีความเข้าใจเป็นพื้น ที่จะทำให้ชีวิตของแต่ละคน เป็นคนดี

~ เข้าใจธรรมแล้ว เป็นคนดีไหม? ก็เป็นคนดี, มีปัญหาไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดี?

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๖๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
thilda
วันที่ 28 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Noparat
วันที่ 28 ส.ค. 2559

~ เพราะความไม่รู้ต่างหาก เราจึงสะสมสิ่งที่ไม่ดีไว้มาก

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 28 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 28 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 29 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 29 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 29 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 30 ส.ค. 2559

ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม จะไม่เข้าใจความจริงใดๆ เลยทั้งสิ้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 1 ก.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Sottipa
วันที่ 23 มี.ค. 2561

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ