เกลียดวิชาทางโลก อยากศึกษาแต่พระธรรมอย่างเดียว

 
apiwit
วันที่  8 ก.ค. 2559
หมายเลข  27963
อ่าน  1,305

รู้สึกว่าวิชาการในทางโลกที่เราศึกษากัน ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไร เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อความรู้แจ้งอริยสัจธรรม แต่กลับเป็นเครื่องขวางกั้นการบรรลุธรรมเสียด้วย ด้วยเหตุนี้ผมจึงเกลียดวิชาทางโลกแทบทุกวิชาที่ผมเองกำลังเรียนอยู่ในขณะนี้ แต่ผมเองก็ยังไม่พร้อมที่จะออกบวชเป็นพระภิกษุเพราะยังไม่สามารถสละได้มากขนาดนั้น ยังคงมีความรักสุขรักสบายและเป็นห่วงเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ จึงจำเป็นที่จะต้องอยู่เป็นฆราวาสต่อไป ผมจึงมีความรู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องทนศึกษาวิชาการทางโลกต่อไปเพื่อการประกอบอาชีพและดำรงชีวิตอยู่ในทางโลกต่อไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกมีความสุขอะไร แม้เพื่อนในวัยเดียวกันกับผมก็ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะสนใจพระธรรม พอผมเอาธรรมไปคุยเขาก็จะมองผมเป็นเรื่องตลกไป บางคนก็ว่าผมเพี้ยนไป นี้คือสิ่งที่น่าอึดอัดใจ จึงกราบท่านอาจารย์ช่วยเมตตาให้คำชี้แนะ ให้ความสว่างแก่ผมด้วย ผมยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตฆราวาสต่อไป ปัจจุบันก็ยังมีอาชีพเป็นนักเรียนนักศึกษา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 ก.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ผู้ที่เข้าใจถูกจะไม่มีการแบ่งเป็นทางโลก ทางธรรม เพราะความจริงมีแต่ธรรม แม้การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวัน แม้เรียนหนังสือ แปรงฟัน ก็มีธรรม และที่สำคัญผู้ที่เข้าใจ ก็ใช้ชีวิตปกติ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพ่อค้า ท่านเป็นพระโสดาบัน ก็มีอกุศลปกติ ใช้ชีวิตปกติ มีค้าขาย ท่านไม่เดือดร้อน เพราะรู้ว่าเป็นธรรม แม้อกุศลก็เป็นปกติ ดังนั้นผู้ที่เข้าใจถูก แม้ขณะที่เรียนหนังสือ ก็มีธรรม และ แม้อกุศลเกิดก็เป็นธรรม เป็นปกติ แต่ถ้าไม่เข้าใจว่า แม้ขณะนั้นก็เป็นธรรม ก็จะเดือดร้อนกับอกุศลที่เกิด เพราะลืมว่าอกุศลว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็เป็นอกุศล ซ้อน อกุศล เพิ่มพูนความไม่รู้เข้าไปอีก ยิ่งห่างไกลหนทางการดับกิเลส ครับ

และที่สำคัญลืมว่าช่วงเวลาที่ไม่ได้เรียนหนังสือทางโลกที่สมมติว่าอย่างนั้น ช่วงเวลานั้น เช่น ตื่นมาก็เป็นอกุศลแล้ว โดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นจะหนีอกุศลไปไหน แม้ไม่ได้เรียนหนังสิอทางโลก ครับ

เพราะฉะนั้น หนทางการอบรมปัญญา จึงไม่ไช่หลีกหนี แต่เข้าใจถูกว่ามีแต่ธรรมในขณะนี้ ในชีวืตประจำวันว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เบาสบายขึ้นเมื่อเข้าใจว่าอกุศลก็เป็นธรรม ครับ

ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ซึ่งเป็นคำตอบในประเด็นนี้ ครับ

อรรณพ ขอให้ช่วยอธิบาย ชีวิตปกติที่มีกิเลสแล้วอบรมเจริญปัญญา กับชีวิตที่ผิดปกติที่อยากไม่มีกิเลสโดยไม่มีปัญญา

ส. ชีวิตปกติที่มีกิเลสจริงไหม ไม่ใช่ฟังเผินๆ แล้วผ่านไป จะไม่ได้สาระ แต่ต้องยอมรับว่า เพราะไม่รู้ เวลานี้เห็นก็ไม่รู้ ได้ยินก็ไม่รู้ เป็นชีวิตที่มีกิเลสที่ไม่รู้

เพราะฉะนั้น ต้องไตร่ตรองแต่ละคำ แต่ละประโยคจนเข้าใจขึ้น แม้แต่คำถามว่า เดี๋ยวนี้ใช่ไหม ต้องตรง เดี๋ยวนี้มีกิเลสเพราะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ชีวิตปกติหรือเปล่า ปกติมีกิเลส เปลี่ยนให้เป็นปกติไม่มีกิเลสได้ไหม ไม่ได้ นี่คือเป็นผู้ตรง

อรรณพ ถ้าเปลี่ยนเมื่อไรก็ไม่ปกติ

ส. ถูกต้อง ก็ปกติมีกิเลสแล้วจะเปลี่ยนให้ไม่มีกิเลสได้อย่างไร ผิดทันที ไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเข้าใจเลย คำสอนเป็นที่พึ่ง ที่กล่าวว่า มีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง มีพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง คือมีคำสอนที่ทำให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูกจนสามารถรู้จริงๆ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยในสิ่งที่กำลังปรากฏ

อรรณพ อบรมปัญญาด้วยชีวิตปกติที่ยังมีกิเลส

ส. กำลังฟังอะไรคะ กำลังฟังเรื่องที่มีจริงๆ จะใช้คำว่า ฟังธรรมะก็ได้ เป็นปกติไหม ก็เป็นปกติ

อรรณพ แม้ดูเหมือนสนใจพระพุทธศาสนา และเดือดร้อนในกิเลส

ส. เดือดร้อนในกิเลสมีจริงๆ ไหมคะ

อรรณพ มีจริง

ส. ถูกหรือผิด ถึงมีจริงก็ไม่รู้ว่า ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เห็นชัดเลยระหว่างรู้กับไม่รู้ มีกิเลสแล้วเดือดร้อน จะรีบไปทำให้หมดกิเลส นั่นผิดเลย เพราะเหตุว่ารีบได้อย่างไร กิเลสตั้งแสนโกฏิกัปป์ที่สะสมมาด้วยความไม่รู้ แล้วจะไปทำอะไร ใครทำก็ผิดแล้ว ไม่มีเราเลย ยังไม่เข้าใจคำว่า “ภาวนา” คืออบรมให้สิ่งที่ยังไม่มีมีขึ้น ให้สิ่งที่มีแล้วเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ภาวนาให้ไม่รู้เลย หรือให้ไม่รู้ยิ่งขึ้น แต่ภาวนาเพื่อให้เห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย ถ้าไม่ฟังเลย จะเห็นถูกได้ไหม ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

อรรณพ ที่มาฟังธรรมเพราะมีกิเลสมาก แต่ไม่ได้หมายความว่ามาฟังธรรม แล้วมีตัวตนไปดับกิเลสได้ตามที่ต้องการ

ส. ก็ผิดอีก เพราะไม่เข้าใจว่า ธรรมะคือไม่ใช่เรา ทุกอย่างเป็นอนัตตา อกุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น กุศลก็มีปัจจัยเกิดขึ้น จนกว่าจะเข้าใจมั่นคง ค่อยๆ เริ่มเข้าใจ กว่าจะละคลายความเป็นเรา จนหมดความเป็นเราตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามต้องการ หรือคิดหวัง หรือเข้าใจผิดคิดว่า ไม่มีเราอีกต่อไปแล้ว โดยไม่รู้อะไรในขณะนี้

อรรณพ มีชีวิตปกติตามฐานะของแต่ละคน ตอนนี้เป็นปุถุชนที่มีกิเลสมากก็เป็นปกติ

ส. ตามการสะสมด้วย กิเลสก็ต่างๆ กันไป หลากหลายแต่ละหนึ่ง นั่นคือปกติของธรรมะที่สะสมมาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเป็นปกติ

อรรณพ แต่เข้าใจยาก

ส. เดี๋ยวนี้มีธรรมะ ฟังแล้วเข้าใจ อยากทำอะไร

อรรณพ อยากมีธรรมะดีๆ เกิดเลย ให้กิเลสน้อยลงไป

ส. เป็นไปได้ไหม

อรรณพ ไม่ได้ แต่ตอนโลภะเกิด มีโมหะด้วย

ส. แล้วพระธรรมมีประโยชน์อย่างไร มีประโยชน์ให้รู้ความจริงว่า บังคับไม่ให้อยากไม่ได้ แต่รู้ตามความเป็นจริงว่า อยากไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น เห็นโทษแล้ว เพราะอยากจึงผิด ไม่เป็นปกติเลย เมื่อไรที่ค่อยๆ เข้าใจว่า ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมะ นั่นถูกต้องที่สุด

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 ก.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ในแต่ละวันชีวิตของแต่ละบุคคลย่อมดำเนินไปแตกต่างกัน ไม่มีกฏเกณฑ์ที่ตายตัว และไม่เหมือนกันด้วย บางครั้งบางคราวก็เพลิดเพลินสนุกสนานไปด้วยอำนาจของกิเลส บางครั้งบางเวลามีโอกาสก็ได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกขึ้น เป็นชีวิตปกติ คงไม่มีใครสามารถฟังพระธรรมได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง บางครั้งก็มีโอกาสได้สนทนาธรรมกัน เพิ่มพูนความเข้าใจสภาพธรรมยิ่งขึ้น สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดี ทั้งหมดทั้งปวงไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แต่สามารถที่จะค่อยๆ สะสม อบรมเจริญได้ในชีวิตประจำวัน ที่สำคัญคือความเข้าใจ ธรรมเป็นชีวิตประจำวันมีให้ศึกษาอยู่ตลอด ศึกษาเพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ชีวิตของคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือน การศึกษาเล่าเรียนก็จะต้องศึกษาด้วย เพื่อประกอบอาชีพการงาน เพื่อเป็นปัจจัยหนึ่งทำให้ชีวิตดำรงอยู่อย่างไม่ลำบาก ไม่เดือดร้อน เพราะคฤหัสถ์ไม่ใช่เพศบรรพชิต และ การเรียนทางโลก หรือการมีอาชีพ มีหน้าที่การงาน นั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางในการศึกษาพระธรรม ศึกษาได้ ฟังได้ เป็นชีวิตปกติประจำวัน สิ่งสำคัญ คือ จะให้ความสำคัญกับการอบรมเจริญปัญญามากน้อยแค่ไหน ผู้ที่เห็นคุณประโยชน์ของพระธรรม ย่อมให้เวลากับพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
apiwit
วันที่ 8 ก.ค. 2559

กราบขอบพระคุณอย่างสูง และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 9 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 9 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 9 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 9 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kukeart
วันที่ 10 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kukeart
วันที่ 10 ก.ค. 2559

ตอนผมฟังใหม่ๆ ก็อยากหนี อยากอยู่คนเดียวครับ แต่พอฟังไปเรื่อยๆ จึงเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ บังคับไม่ได้ เลยใช้ชีวิตปกติ เหมือนเดิม แต่รู้เพียงคนเดียวว่า ไม่ใช่เราๆ เมื่อกระทบสิ่งต่างๆ (แต่ไม่รู้ตลอดเวลานะครับ ระลึกได้ในบางครั้งบางคราวเท่านั้น) บอกตัวเองในใจ ไม่ไปบอกใคร เพราะบอกไป เขาก็คง งง เราเข้าใจเอง ฟินเองคนเดียวพอก็พอครับ // / แต่หลังๆ เพื่อนๆ เริ่มมาปรึกษาปัญหาชีวิต มากขึ้น คงเพราะรู้ว่า ผมชอบฟังพระธรรม และน่าจะมีข้อคิดดีๆ ที่พอให้คำปรึกษาได้

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 10 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 13 ก.ค. 2559

ก่อนที่จะได้พบพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากการนำมาแสดงของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ผมเคยมีความคิดที่จะหนีชีวิตในปัจจุบันออกบวช เพราะคิด (เอาเอง) ว่าชีวิตนี้วุ่นวายหนอ แต่ก็ไม่มีความมั่นใจเลยในขณะนั้น ว่าจะหนีออกจากชีวิตสังคมที่เป็นอยู่ในขณะนั้นได้อย่างแท้จริง โดยไม่กลับมาเป็นเช่นเดิมอีก ซึ่งจะเป็นความเสียหาย (เสียหน้า) แก่ตนเองเป็นแน่แท้ ถ้าไม่สามารถที่จะทำได้จนขณะสุดท้ายของชีวิต
เป็นเพราะบุญที่ได้เคยทำไว้แต่ปางก่อน เมื่อได้พบและฟังคำจริง-วาจาสัจจะ จากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีเมตตานำมาแสดงเพื่อเกื้อกูลให้ได้เข้าใจ เมื่อมีความอดทนและเพียรที่จะฟังและเข้าใจขึ้น บ่อยๆ เนืองๆ และเมื่อเวลาผ่านไป จึงรู้ว่า การมีชีวิตที่เป็นปกติเช่นเคยนี้แหละ แต่ต่างกันเพียงเป็นผู้มีความเข้าใจธรรมขึ้น บ่อยๆ เนืองๆ จากการฟังธรรมที่ถูกต้อง เป็นชีวิตที่เลิศที่สุดสำหรับทุกบุคคล ที่มีโอกาสได้เกิดมาในชาติหนึ่งๆ แล้ว
อย่าห่วงเรื่องกุศลและอกุศลประการต่างๆ ในชีวิตประจำวันในทุกๆ ขณะนี้เลยครับ เพราะทั้งหมดไม่ใช่เรา เป็นแต่ธรรมเท่านั้น ทั้งสิ้น
มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความเป็นปรกติ ด้วยความเข้าใจธรรมขึ้น ในทุกๆ วัน เป็นสิ่งที่เลิศที่สุดในชาตินี้แล้วครับ พร้อมทั้งเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ต่างๆ ที่ควรกระทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม ปัญญา-ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก จากการที่ได้ยิน ได้ฟังพระธรรมที่ถูกต้อง จะนำไปในกิจทั้งปวงเองครับ อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
wirat.k
วันที่ 17 ก.ค. 2559

เป็นหัวข้อคำถามที่ดีมากครับ

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ศึกษาพระธรรมต่อไป ให้ "ค่อยๆ "มีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ