ญี่ปุ่น (4) สนทนาธรรมที่โรงแรม Yukimurasaki

25 พฤษภาคม 2559

ช่วงเช้า สนทนาธรรมที่โรงแรม Yukimurasaki

เช้านี้ก็ตื่นกันสายๆ เหมือนเดิม แจ้งสหายธรรมและกราบเรียนท่านอาจารย์ นัดเวลามีสนทนาธรรม 1 ชั่วโมง เริ่ม 09.30-10.30 น. ท่านอาจารย์เห็นประโยชน์ถึงการได้รับฟังของพวกเราและสหายธรรมที่รอฟังการถ่ายทอดสดที่จะได้รับฟังไปด้วยกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ... พระธรรมแต่ละคำมีค่ายิ่งกว่าทอง เพราะ ทองไม่สามารถทำให้ปัญญาเกิดพ้นทุกข์ละกิเลสได้ แต่ คำแต่ละคำที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว แสดงโดยผู้รู้ให้เข้าใจ ย่อมมีค่าหาประมาณไม่ได้ สำหรับผู้สะสมมาและเข้าใจ ครับ

เช้าลงมาทานอาหารกัน 07.30 เชิญท่านอาจารย์และคุณป้าทั้งสองทาน กระผมใส่เสื้อสีแดงเหมือนกัน กับ ท่านอาจารย์ เลยโดนเก็บภาพ ... ก็แค่สี แต่นึกคิดเอาตามความจำว่าเหมือนกันนะ!!

ระหว่างทานก็จะมีพนักงานของโรงแรมคอยดูแลเสิร์ฟอาหารให้เรา ปกติพนักงานโรงแรมโดยมากที่ญี่ปุ่น จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย น้อยมาก ยิ่งพื้นที่ห่างไกล มาที่ภูเขา ยิ่งลำบากในการสื่อสารกับพนักงาน แต่โชคดี ที่พบน้องผู้หญิง พนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ เพราะเธอไปเรียนที่อเมริกาแล้วกลับมาช่วยงานที่โรงแรมนี้ และ ก็จะต้องกลับไปอีกไม่นาน เราก็เลยติดต่อกับเธอ คนญี่ปุ่นเท่าที่พบมีน้ำใจมาก ครับ ช่วยเหลือทุกอย่าง เท่าที่ทำได้ จะเห็นว่า กุศลจิต จิตที่ดี ไม่ได้เลือกสถานที่ เลือก บุคคล เพราะ ไม่มีบุคคล ไม่มีใคร มีแต่ธรรมเป็นไปเท่านั้น

ก็เลยคุณพี่ๆ คุณป้าๆ ทั้งหลายก็แอบถ่ายรูปกันกับน้องเขา เพราะประทับใจกับความมีน้ำใจ ช่วยเหลือและคงติดต่อคุยกับเขาได้ด้วย Thank you มากๆ ครับ

ทานกันเสร็จ แปดโมงครึ่งก็พักผ่อนกันตามอัธยาศัย เตรียมตัว เตรียมใจ มาสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์ 09.30 ที่ห้องท่าน ..เตรียมได้ไหม ใจ คือ จิต เกิดขึ้นและดับไป ไม่มีใครเตรียม วางแผนอะไรได้ไหม..เพราะขณะที่เตรียม วางแผน ก็คือ ขณะที่คิดเท่านั้น ส่วนจะเป็นไปอย่างไร ตามที่คิดหรือไม่ ก็ตามเหตปุัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ...

ผมก็เตรียมอุปกรณ์ถ่ายทอดสด ..ขึ้นไปห้องท่านอาจารย์ตั้งขากล้อง ตั้งใจถ่ายภาพและเสียงสด สัญญานอินเตอร์เน็ทที่นี่อ่อน บนห้องท่านอาจารย์เลยทำได้แต่ ถ่ายทอดสดเฉพาะเสียง แต่ก็ยังดี ได้ฟังพระธรรม ไม่เห็นหน้าก็ไม่เป็นไร เพราะ ฟังเข้าใจเมื่อไหร่ สาระอยู่ตรงนั้น ครับ

ทุกอย่างพร้อม เสียงพระธรรม พร้อมเมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ท่านอาจารย์เริ่มสนทนา พร้อมกับการถ่ายทอดสด คนฟังขณะนั้น ในห้อง รวมท่านอาจารย์ 13 ท่าน แต่ ฟังถ่ายทอดสดอยู่ 40 ท่าน (ระบบจะแจ้งจำนวนคนที่ฟังถ่ายทอดสด) ซึ่งคุณ สิริพรรณ ฟังอยู่เมืองไทย ถอดเสียงมาเป็นข้อความให้สหายธรรมในห้องไลน์ ได้อ่านกัน ถอดข้อความมาได้ดีมาก ข้าพเจ้าจึงขอนำข้อความที่ถอดโดยคุณสิริพรรณ ที่เป็นเนื้อหาสาระที่ท่านอาจารย์สนทนาในวันนี้มาดังนี้ ครับ ขออนุโมทนา คุณ สิริพรรณ มา ณ ที่นี้ครับ

@ ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่ฟัง ไม่ใช่ฟังเพราะอยาก

@ เห็นก็เห็นสิ่งที่ปรากฏได้ ไม่ใช่เห็นแข็ง เห็นอ่อน

@ สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่สภาพรู้ เพียงปรากฏให้เห็น ไม่ใช่คน เหมือนส่องกระจก แต่ความจริงไม่มีคน

@ จิตเห็นขณะนี้ สั้นนิดเดียว แต่เห็นเสื้อสีดออก เห็นคนนั้น คนนี้ แสดงว่าจิตเห็นดับไปกี่ขณะ นับไม่ถ้วน นี่คือความจริงที่ไม่มีใครรู้ มานานแสนนาน จนกว่าจะมีผู้ทรงตรัสรู้

@ ใครไม่ติดข้องบ้างคะ เพราะฉะนั้น ฝืนด้วยความไม่รู้

@ อิติปิโสภควา แม้เพราะเหตุนี้ ทรงจำแนกธรรมที่ละเอียดยิบ ทรงจำแนก จิต เจตสิกรูป

@ ถ้าปรากฏเพียงหนึ่ง จะไม่ปรากฏให้เห็นอย่างที่เห็น แต่จริงๆ ปรากฏแสนหมื่นขณะะจึงค่อยเป็นอย่างที่เห็น

@ กว่าจะเป็นอย่างนี้ จะต้องมีสิ่งที่กระทบตา นับไม่ถ้วน เริ่มค่อยๆ เข้าใจในนิมิต

@ รูปธรรมก็เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป นามธรรมก็เกิดขึ้น แล้วก็ดับไป

@ ขณะนี้ เห็นคุณเต้ย เห็นคุณมล ทั้งๆ ที่รู้ว่าเห็น แต่ทำไมเป็นคุณเต้ย คุณมล แสดงว่า จิตเกิดดับไปเท่าไร

@ ทรงแสดงไว้ ทันที ที่เห็นเหมือนปรากฏเป็นนิมิต นิมิตที่ปรากฏ ต้องจิตเกิดดับสืบต่อประมาณไม่ได้เลยเหมือนพร้อมกันเลย เพราะความรวดเร็ว

@ ทำไมว่า เสียงลม ไม่ใช่เสียงคน เพราะนิมิต

@ อภิธรรม ธรรมที่่ลึกซึ้ง ขณะนี้ เห็น ก็ด้วยจิต เจตสิก รูป

@ ในชีวิตประจำวัน เรายึดถือหมดใช่ไหมคะว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด พระพุทธองค์จึงตรัสว่า อุปปาทาน การยึดติดที่มีกำลังมาก คือยึดจิต เจตสิก รูป ว่าเป็นเรา ยึดจิต เจตสิก รูป ภายนอก ว่าเป็นเขา

@ อริยสัจจธรรม คือเดี๋ยวนี้ ทุกขอริยสัจ สภาพธรรมกำลังเกิดดับ

@ ก่อนเห็น จิตอะไรเกิด หนึ่่งขณะ ระหว่างเห็นหนึ่ง กับเห็นสอง คนละขณะ ใครรู้ ทรงแสดงไว้ละเอียดอย่างยิ่ง

@ จากการฟังแค่ไม่กี่นาที จะให้เข้าใจ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่พระพุทธองค์ทรงแสดงตลอด 45 พรรษา ด้วยพระมหากรุณาคุณ

@ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใครสักคนเลย ... ถ้าไม่มีพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ จะทราบไหม

@ พระอรหันต์ท่านรู้ ท่านไปแล้ว แต่เรา..เริ่มฟัง

@ ฟังแต่ละครั้ง เพื่อเข้าใจ แม้ขณะที่ถามว่า ทำไมเราไม่รู้ ทำไมเราแยกไม่ออกขณะนั้น ก็เป็นธรรม

@ รูปขันธ์ ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของใคร จับไม่ได้นะ หวงแหน ติดข้องในรูปนี้ ตาใครจะมาขอก็ไม่ให้ รูปทางตา เสียง เย็นร้อนอ่อนแข็ง น่าใคร่ น่าพอใจ

@ ตลอดชีวิต ยึดมั่นติดข้องในรูป ในวันหนึ่งๆ มากไปด้วยความไม่รู้และติดข้อง

@ ทรงแสดงว่าติดข้อง ในรูปขันธ์ติดข้อง เพื่ออะไรคะ เพื่อเวทนา ความสุข

@ ทรงแสดงเวทนา 5 ทางกาย ไม่สุข ก็ทุกข์ ทางใจ ก็สุข ทุกข์ และไม่สุข ไม่ทุกข์ และที่ทรงแสดงรูปขันธ์ก่อน เพราะเป็นที่ตั้งของความยึดมั่น

@ สัญญาขันธ์ สภาพจำ จำทุกขณะ เกิดกับจิตทุกขณะ เกิดดับทุกขณะ เร็วมาก จนเราไม่รู้ ว่ากำลังเกิดดับเพราะจำ จำแล้ว เพราะสุข จึงติดข้อง แสวงหา

@ สังขารขันธ์ ก็เจตสิกที่เหลือทั้งหมด วิญญาณ ขันธ์ ทั้ง 5 เป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ

@ ทั้งหมดที่พูดไม่ได้ให้จำชื่อ แต่เพื่อเข้าใจ

@ มีสิ่งที่ปรากฏ ก็ต้องมีธาตุที่รู้สิ่งที่ปรากฏ ทุกทวาร

@ ขณะนี้ ที่เห็น ไม่ใช่มีแค่เห็น แต่มีเรื่อง จึงเป็นนิมิต เมื่อปรากฏรวมกันจึงเป็นนิมิต ปรากฏเป็นเรื่องจึงเป็นนิมิต

@ ทรงแสดงว่า ถ้าศึกษาพระอภิธรรมผิด ก็ฟุ้งซ่าน แต่ฟุ้งซ่านก็มีจริง เป็นธรรม

จบสนทนาธรรม 10.30 น. พวกเราเตรียมตัวเดินทางไปสถานที่อุทยานแห่งชาติ KAMIKOCHI ที่สวยงามมากๆ ๆ อากาศดี ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงก็ถึง ไปทานข้าวกลางวันที่นั่นกันครับ และก็จะเดินชมป่าเขา ต้นไม้ น้ำตก สูดอากาศดีๆ ที่นั่น และ สิ่งสำคัญที่จะได้เกิดที่นั่น คือ การสนทนาธรรมที่จะทำให้เกิดปัญญา ความเห็นถูก ในสถานที่ที่สัปปายะ ติดตามตอนต่อไป ที่จะได้สาระ และ ปัญญา