บัญญัติปิดบังสภาวะ

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  20 ม.ค. 2559
หมายเลข  27384
อ่าน  809

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเรียนถามดังนี้ค่ะ

๑. ขณะฟังคำอธิบายรายละเอียดเรื่องราวของธรรมเป็นการฟังบัญญัติใช่หรือไม่ เป็นขั้นปริยัติใช่หรือไม่

๒. ขณะตามข้อ ๑.ปิดบังไม่ให้รู้สภาวธรรมหรือไม่ มีเหตุผลอย่างไร ที่ปิดบัง หรือไม่ปิดบัง ถ้าปิดบัง แล้วจะฟังธรรมกันอย่างไรดี

๓. บัญญัติคืออะไรบ้าง มีลักษณะอย่างไร

๔. สภาวะคืออะไร มีลักษณะอย่างไร

๕. ปิดบังคืออะไร มีลักษณะอย่างไร

๖. ปริยัติคืออะไร มีองค์ประกอบอะไรบ้าง

ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 20 ม.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. ขณะที่ฟังพระธรรม ก็เป็นการฟังเรื่องของธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ถ้าสะสมไปเรื่อยๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ก็ย่อมจะเป็นไปเพื่อความรอบรู้ในปริยัติ มั่นคงในความจริง โดยไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งสำคัญ คือ การฟังพระธรรม ฟังความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

๒. - ๕. การฟังพระธรรม ไม่ใช่เหตุแห่งความไม่รู้ แต่เป็นเหตุที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกเห็นถูกในธรรม ตามความเป็นจริง

ประเด็นบัญญัติปิดบังสภาพธรรม ควรเข้าใจว่า บัญญัติไม่มีสภาวะ บัญญัติเป็นเพียงเรื่องหรือชื่อของปรมัตถธรรม เพราะมีปรมัตถธรรม จึงมีชื่อ หรือมีคำบัญญัติ เพราะแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่มีจริงๆ ที่ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงลักษณะของสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่ได้ มีอยู่ ๔ อย่าง ที่เรียกว่า ปรมัตถธรรม ๔ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน ไม่ใช่บัญญัติ บัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรม บัญญัติไม่มีลักษณะให้รู้ ไม่มีจริง เพราะไม่มีลักษณะ แต่เพราะมีปรมัตถธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง นี้เองจึงมีบัญญัติธรรม ยกตัวอย่างเช่น เพราะมีขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย อันได้แก่นามธรรม (จิต และเจตสิก) และรูปธรรม จึงมีการบัญญัติเรียกว่าเป็นคนนั้นคนนี้ เป็นคนดี เป็นคนไม่ดีเป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็สืบเนื่องมาจาก มีสิ่งที่มีจริงที่เป็นปรมัตถธรรม นั่นเอง แต่เพราะไม่รู้ธรรมตามความเป็นจริง จึงถูกบัญญัติปิดบังสภาพธรรม ทำให้ไม่เข้าใจในความเป็นจริงของธรรม ว่า เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เท่านั้น

๖. ปริยัติ คือ การศึกษาพระพุทธพจน์ (พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง) พระพุทธพจน์เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงถึงธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง การศึกษาพระพุทธพจน์ เพื่อให้เกิดความเห็นถูก สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย เพื่อให้เกิดความรอบรู้จนมีความมั่นคงในความเป็นธรรม ถ้าหากไม่มีการฟัง ไม่มีการศึกษาไม่มีทางที่จะมีความรอบรู้ในพระธรรมคำสอนได้เลย ก็จึงต้องฟังพระธรรมต่อไป ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ดังนั้น ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 21 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 28 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 10 ก.พ. 2559

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ