สฬายตนะ

 
papon
วันที่  7 มี.ค. 2558
หมายเลข  26278
อ่าน  18,475

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

"สฬายตนะ" ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ช่วยกรุณาให้คำอธิบายเกี่ยวกับคำนี้ด้วยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สฬายตนะ หมายถึง อายตนะภายใน ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ

อายตนะภายใน ๖

1. จักขวายตนะ (จักขปสาทรูป)

2. โสตายตนะ (โสตปสาทรูป)

3. ฆานายตนะ (ฆานปสาทรูป)

4. ชิวหายตนะ (ชิวหาปสาทรูป)

5. กายายตนะ (กายปสาทรูป)

6. มนายตนะ (จิต ๘๙)

ประโยชน์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจ ธรรมะ ที่กำลังมี กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ให้มีชื่อ หรือ มีพยัญชนะมาเป็นเครื่องกั้น ขอเพียงเข้าใจในคำนั้นๆ ให้ชัดเจน ไม่สับสน และ ที่สำคัญ ไม่ขาดการฟังพระธรรมในชีวิตประจำวันจะฟังมาก ฟังน้อย ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ทั้งนั้น เพราะประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูก เห็นถูก เมื่อได้เหตุได้ปัจจัย ปัญญาเจริญขึ้น มั่นคงในความเป็นจริงของธรรมเพิ่มขึ้น ก็ย่อมจะเป็น เหตุ ให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนั้นได้ ซึ่งสภาพธรรมที่กําลังมี กำลังปรากฏในขณะนั้น ก็ไม่พ้นไปจากความเป็นสฬายตนะ ครับ

ที่สำคัญ ขณะที่สติเกิด ระลึกลักษณะของสภาพธรรมใด ซึ่งไม่พ้นจาก อายตนะ ขณะนั้น จะต้องมีการระลึกตรงลักษณะ คือ มีลักษณะของสภาพธรรม กำลังปรากฏให้รู้ และมีปัญญารู้ว่า เป็นธรรมะไม่ใช่เรา โดยไม่ได้คิดชื่อเลยในขณะนั้นว่า เป็นอายตนะ หรือ สฬายตนะ ครับ เพราะสติและปัญญา กำลังรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมเท่านั้นครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 มี.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะทรงแสดงโดยนัยของขันธ์ ก็ดี ธาตุ ก็ดี อายตนะ ก็ดี ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลต่อความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏตามความเป็นจริง ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงที่ว่าพระธรรม เป็นวาจาสัจจะ เป็นคำที่อนุเคราะห์เกื้อกูลอย่างแท้จริง และจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาเท่านั้นจริงๆ

อายตนะ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่ประชุมกันในขณะที่จิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทีละขณะ แม้ว่าจะทรงแสดงอายตนะมีประการต่างๆ ก็ไม่ใช่ให้ไปติดที่จำนวน แต่ทั้งหมดเป็นสภาพธรรมที่มีจริงแต่ละหนึ่งๆ โดยไม่ปะปนกันเลย ยกตัวอย่างขณะที่ได้ยิน มีสภาพธรรมอะไรบ้างในขณะนั้น? มีได้ยิน มีเสียงซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตได้ยิน มีเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมกับจิตได้ยิน พร้อมทั้งมีที่เกิดของจิตได้ยิน นั่นก็คือ ต้องมีโสตปสาทะ (หู) เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่งๆ ซึ่งเมื่อได้ฟังได้ศึกษาก็ยิ่งจะเพิ่มพูนความมั่นคงในความเป็นจริงของสภาพธรรม ไม่มีเราแทรกอยู่ในสภาพธรรมเหล่านั้นเลย หาความเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ไม่ได้ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 7 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ชอบธรรมะ
วันที่ 8 มี.ค. 2558

ขอบพระคุณและขออนุโมทรนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 8 มี.ค. 2558

ทุกอย่างเป็นธรรมะที่มีจริงๆ แม้ไม่เรียกชื่อ เกิดแล้วดับแล้ว ไม่ใช่เรา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 3 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jarunee.A
วันที่ 29 ม.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Muthitas
วันที่ 26 ก.พ. 2567

สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ