ปุถุชนในปัจจุบัน

 
pdharma
วันที่  20 ก.พ. 2558
หมายเลข  26198
อ่าน  1,192

ปุถุชนในปัจจุบัน

๑. พอใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปฆ่าใคร ไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ไปลักขโมยใคร ไม่ได้ไปโกหกใคร

๒. กินเหล้าเบียร์เพื่อความเฮฮาบ้าง กินไวน์แดงเพื่อสุขภาพบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้กินจนเมาถึงกับสร้างความเดือดร้อนให้ใคร

๓. ไม่ค่อยอยากฟังพระธรรม เพราะฟังแล้วทำให้ดูเหมือนตนเป็นคนไม่ดี ไม่ฟังพระธรรม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

๔. โดยสรุปคิดว่า เมื่อไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็พอแล้ว -- พอแล้ว จริงหรือไม่?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

คำว่าพอแล้ว เพราะปุถุชนผู้หนาด้วยกิเลสที่ไม่ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่รู้จักแม้กิเลส ไม่รู้จักแม้ความดี และเมื่อไม่รู้จักกิเลสก็เข้าใจว่าดีแล้ว เข้าใจในขณะที่กิเลสเกิดว่าดีด้วย จึงสะสมเพิ่มพูนกิเลสเพิ่มขึ้นและไม่มีคำว่าพอ สำหรับกิเลส เลยครับ

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหลาย ย่อมเป็นสภาพหยาบ, ถ้ากิเลสเหล่านี้ มีรูปร่าง อันใครๆ พึงสามารถจะเก็บไว้ในที่บางแห่ง ได้ไซร้ จักรวาลก็แคบเกินไป พรหมโลกก็ต่ำเกินไป, โอกาสของกิเลสเหล่านั้น ไม่พึงมี (ให้บรรจุ) เลย”

(ข้อความตอนหนึ่งจาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)

ท่านอาจารย์สุจินต์ พูดไว้น่าคิดว่า ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ เพราะ ดีของปุถุชน ก็ยังหวั่นไหว เพราะไม่ใช่ความดีที่มีกำลังที่จะถึงการดับกิเลสได้ ดีสูงสุด คือ ผู้ที่ไม่มีกิเลส ดับกิเลสหมดสิ้นแล้ว ครับ และที่น่าพิจารณา คือ ความดี ที่ประเสริฐ และบริสุทธิ์ คือ ดีด้วยปัญญา ที่เกิดจากการศึกษาพระธรรม เพราะปัญญาที่เกิดขึ้น จะค่อยๆ ละกิเลส ที่เป็นการสมมติว่าเป็นคนชั่วไปทีละน้อย จนถึง ดับกิเลสที่สุด ละ ความชั่วได้หมดสิ้น ครับ การศึกษาพระธรรม จึงเป็นการค่อยๆ เป็นคนดี ทีละน้อย ครับ

เรื่อง ปุถุชนผู้ไม่สดับ ฟังพระธรรม ย่อมไม่พ้นทุกข์

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย

สุนัขที่เขาผูกไว้ด้วยเชือก ถูกล่ามไว้ที่หลักหรือเสาอันมั่นคง

ย่อมวิ่งวนเวียนหลักหรือเสานั่นเอง แม้ฉันใด

ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้า

ไม่ฉลาดในอริยธรรม ไม่เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในสัปปุริสธรรม

ย่อมตามเห็นรูปโดยความเป็นตน

เห็นตนมีรูป เห็นรูปในตน เห็นตนในรูป

ก็ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปายาสะ

เรากล่าวว่า ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นธรรมดาที่ว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ กิเลสอกุศล เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ซึ่งมีตั้งแต่ระดับที่บางเบาจนกระทั่งมีกำลังกล้า ล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน เวลาที่กล่าวถึงปุถุชน ผู้หนาแน่นไปด้วยอกุศล ดูเหมือนว่าจะเป็นคนอื่น แต่แท้ที่จริงแล้ว ความจริงเป็นความจริง อกุศลเป็นอกุศล เกิดกับใคร ก็เป็นอกุศล เป็นสิ่งที่ไม่ดี ด้วยกันทั้งนั้น ถ้าไม่อาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ตนเองสะสมสิ่งที่ไม่ดี มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น มามากเพียงใด ดังนั้น แทนที่จะคิดว่าคนอื่นเป็นคนไม่ดี ทำดียาก แล้วเราเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แทนที่จะคิดถึงคนอื่น ก็ย้อนกลับมาที่ตนเอง ที่จะได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมกุศล เพื่อขัดเกลาสิ่งที่ไม่ดีของตนเองต่อไป ไม่มีใครรู้จักตนเองดีเท่ากับตนเอง เป็นคนดี และ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kullawat
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pdharma
วันที่ 20 ก.พ. 2558

ขอขอบพระคุณ

ที่ยกมาข้างต้น เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แม้การจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้กับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาต่างๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย รวมถึงบุคลากร จะได้ดำเนินการมาตามแนวทางที่ผู้เกี่ยวข้องได้ดูแลแล้ว ทัศนคติ (อันสะท้อนถึงปัญหา) ที่ปรากฏในปัจจุบันก็ยังเรื่องที่ยากที่การศึกษาในระบบจะปลูกฝังได้ เมื่อยังคิดว่า "เมื่อไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็พอแล้ว"

ท่านอาจารย์มีข้อแนะนำอย่างไร

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 21 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
แต้ม
วันที่ 21 ก.พ. 2558

มนุษย์ปุถุชนก็ยังต้องคบหาสมาคมกับผู้คนโดยทั่วไป จะต้องพบกับสิ่งยั่วยุต่างๆ ซึ่งส่งเสริมกิเลสเป็นอย่างมาก ทั้งที่รู้และไม่รู้ตัว แต่พระพุทธเจ้าก็มีคำสอนสำหรับฆราวาสผู้ครองเรือนไว้มากมายสามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ความคิดเห็นของผมถ้าหากยังมีความจำเป็นต้องคลุกคลีกับหมู่คณะ หรือยัง ละโลภ โกรธ หลงไม่ได้ ก็อย่าให้ผิดศีล 5 ก็แล้วกันครับ เพราะจะไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน และก็พยายามหาโอกาสศึกษาพระธรรมบ้างนะครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 21 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 21 ก.พ. 2558

กราบนมัสการอย่างสูงสุดแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาอาจารย์ทั้งสองท่าน ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Patchanon
วันที่ 21 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
rjanmod
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
นิตยา
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
thilda
วันที่ 15 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
wannee.s
วันที่ 15 เม.ย. 2558

ตอนนี้ยังสุขสบายยังแข็งแรงยังไม่เห็นภัย ยังไม่เห็นความทุกข์ ยังไม่เห็นโทษของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และถ้ายังมีกิเลสก็ยังต้องวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏฏ์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
Jarunee.A
วันที่ 7 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ