ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๒

 
khampan.a
วันที่  15 ก.พ. 2558
หมายเลข  26181
อ่าน  1,855

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรม จากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๒

# ต้องเป็นสาวก คือ ผู้ฟัง ต้องเป็นพหุสูต ฟังมากๆ พิจารณาโดยแยบคาย ที่จะอบรมเจริญปัญญาที่สามารถจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติ ตามความเป็นจริง ข้อสำคัญ คือ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ถ้าใครพยายามฝืนปกติ กั้นทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลภะ ทั้งโทสะ ไม่มีทางที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

# เวลาที่ยังไม่โกรธ ก็รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว แต่พอความโกรธเกิดขึ้นเท่านั้นเอง กลับปฏิบัติสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์

# ผู้หวังร้าย ถึงแม้ว่าจะนอนบนที่นอนที่น่าจะสบายสักเท่าไร ขณะนั้นก็เป็นทุกข์แล้วเพราะความโกรธ

# การที่จะพ้นทุกข์ของสังสารวัฏฏ์นั้น ก็จะต้องพ้นทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ โดยการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมจนถึงขั้นที่จะไม่มีการเกิดขึ้นอีกเลย มิฉะนั้นแล้ว ถ้ามีการเกิดขึ้น ที่จะพ้นจากทุกข์กาย ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าทุกข์กายเกิดขึ้นเพราะอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัย ส่วนที่จะพ้นจากทุกข์ใจนั้นก็ต้องอบรมเจริญปัญญาสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม จนกระทั่งถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล จึงสามารถที่จะไม่มีโทสมูลจิต (จิตที่มีโทสะเป็นมูล) เกิดอีกได้เลย

# ความหวงของ ไม่ต้องการที่จะให้ของของตนสาธารณะทั่วไปแก่บุคคลอื่น ลองพิจารณาดูว่า ไม่ต้องการให้ใคร? ไม่ต้องการให้ผู้ซึ่งไม่ชอบ ถ้าผู้ซึ่งชอบหรือเป็นที่รักแล้ว ให้ได้ จริงไหม? เพราะฉะนั้น มัจฉริยเจตสิกก็เป็นการหวงกันสมบัติของตน ไม่ให้สาธารณะทั่วไปกับผู้ซึ่งไม่เป็นที่รัก

# ธรรมดาหรือไม่ธรรมดา โลภะ? ใครรู้สึกว่า โลภะไม่ธรรมดาบ้าง เกิดบ่อยที่สุดในวันหนึ่งๆ จนเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ทุกข์ก็ต้องเป็นธรรมดาเหมือนกัน เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นปรมัตถธรรมแล้ว ทุกข์ ได้แก่ สภาพของสังขารธรรมซึ่งเกิดดับ

# ทุกขสัจจ์ เป็นไปทั่ว คือ ไม่เว้นเลย ถ้าจะกล่าวเทียบโดยบุคคลก็ไม่เว้นใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นคนฉลาดหรือไม่ฉลาด แม้ว่าจะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือว่าเป็นพาลบุคคล ทุกขสัจจ์ มีความเป็นไปทั่ว เป็นอาการปรากฏ เพราะเหตุว่าเป็นสภาพซึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปเหมือนกันหมดทุกคน

# การที่ระลึกถึงความตาย เห็นความไม่เที่ยง ก็ย่อมจะทำให้ท่านละคลาย แม้ความติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ในสมบัติของท่าน ซึ่งเคยถือว่าเป็นของเรา และนอกจากนั้นก็ยังทำให้เกิดละคลายมานะ การถือตน การสำคัญตน หรือความผูกพันในสัตว์ ในบุคคล ซึ่งเป็นที่รัก ในสังขารที่เป็นที่รักได้ จึงจะเป็นกุศล

# ทุกท่านกำลังนั่งอยู่ที่นี่ ไม่มีเครื่องหมายที่จะให้รู้เลยว่า ชีวิตของใครจะอยู่ต่อไปถึงพรุ่งนี้ หรือว่าเดือนหน้า หรือว่าปีหน้า ไม่มีเครื่องหมายให้รู้ว่าจากที่นี้ไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น จะเป็นสุข หรือว่าจะเป็นทุกข์ จะประสบกับอิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่น่าพอใจ) หรืออนิฏฐารมณ์ (อารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ) จะมีอุบัติเหตุ หรือไม่มีอุบัติเหตุ ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะว่าชีวิตไม่มีเครื่องหมาย ใครๆ ก็รู้ไม่ได้

# ถ้าอดทนไม่ได้ กายย่อมผิดปกติ และวาจาก็ย่อมเป็นวาจาทุจริตได้ ตามกำลังของกิเลสซึ่งมีกำลังขึ้น ซึ่งเมื่อกิเลสที่เป็นโทสมูลจิตมีกำลังกล้า จะเป็นเหตุให้กระทำกายทุจริตและวจีทุจริต

# วันหนึ่งๆ โลภะเกิดขึ้นในอารมณ์ต่างๆ ปฏิเสธไม่ได้เลย ทั้งทางตาที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ทางจมูกที่ได้กลิ่น ทางลิ้นที่ลิ้มรส ทางกายที่กระทบสัมผัส กำลังซัดส่ายไปหาทุกข์แท้ๆ ถ้ารู้ว่าตัณหาเป็นเหตุของทุกข์ ให้ทราบว่า ในขณะใดที่กำลังแสวงหาสุข ไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ขณะนั้นกำลังซัดส่ายไปหาทุกข์ เพราะเหตุว่าตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

# ไม่มีใครสามารถที่จะไปหยุดยั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเห็น ซึ่งเป็นกิจการงานอย่างหนึ่ง จิตเกิดขึ้นทำอะไร ทำกิจเห็น ต้องเห็น ขณะนี้ทำกิจแล้ว คือ เห็น มีปัจจัยที่จะทำให้จิตได้ยินเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งไม่ให้จิตได้ยินเกิดขึ้น เมื่อมีปัจจัย จิตก็เกิดขึ้นกระทำกิจได้ยิน เป็นการทำงานแต่ละขณะจิตจริงๆ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

# ไม่ควรเลยที่จะปล่อยให้เป็นอกุศลเพิ่มขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะสิ้นชีวิตไป ลองคิดถึงอกุศลในวันหนึ่งซึ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ไม่ได้ส่วนกับกุศลเลย แล้วจะเป็นอย่างไร?

# แม้ไม่ประทุษร้ายด้วยกาย ด้วยวาจา แต่ใจคิดอย่างไร บางทีใจคิดเบียดเบียน แต่ยังไม่ทำ ซึ่งก็อาจจะมีได้ แม้อย่างนั้นก็ยังจะต้องเห็นว่า ในขณะนั้นจิตไม่สงบเพราะเป็นกุศล

# แต่ละท่านยังมีอวิชชาหนาแน่น เพราะยังไม่รู้ลักษณะของปรมัตถธรรมตามความเป็นจริง เพียงแต่ฟัง มีโอกาสที่จะได้ฟัง มีโอกาสที่จะได้พิจารณา มีโอกาสที่จะได้เข้าใจว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้อะไร ทรงแสดงอะไร และสิ่งที่ทรงแสดงนั้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่พิสูจน์ได้ และตัวท่านทุกคนนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ปัญญาพอหรือยัง ที่จะรู้ลักษณะของปรมัตถธรรม แม้ว่าจะมีความเข้าใจเรื่องปรมัตถธรรมแล้ว เพราะฉะนั้น เรื่องเข้าใจนี้เป็นเบื้องต้น เรื่องการอบรมเจริญความรู้ก็เป็นการที่จะอบรมเจริญไป จนกว่าความรู้นั้นสามารถที่จะเป็นปัญญาที่แทงตลอดลักษณะของสภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคและพระอริยสาวกทั้งหลายท่านได้ประจักษ์แจ้งแล้ว

# พระอริยเจ้าต่างจากปุถุชนจนกระทั่งไม่มีความเป็นปุถุชน เพราะเป็นพระอริยบุคคล ซึ่งจะไม่ย้อนกลับมาสู่ความเป็นปุถุชนอีก แต่ว่ากิเลสเหนียวแน่น ซึ่งการเป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น ไม่ใช่พระอรหันต์ ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ แต่ไม่มีความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตนที่เที่ยง เป็นเรื่องที่บรรลุถึงได้ แต่ต้องเข้าใจถูกตั้งแต่ต้น พร้อมทั้งปฏิบัติถูกด้วย ถ้าเข้าใจผิดแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้การปฏิบัตินี้ผิด คลาดเคลื่อน ซึ่งจะไม่เป็นเหตุที่จะให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้

# คนที่กำลังง่วงจะเข้าใจดีว่า ในขณะที่ถีนมิทธะ (ความง่วง) เกิดทำให้มืดมน บางครั้งถึงกับทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง บางทีเปิดวิทยุฟัง แต่ดึกเกินไป แล้วก็ง่วง ในขณะนั้นได้ยินเสียงอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร จนกระทั่งรายการธรรมจบ เพราะฉะนั้น ขณะใดที่ถีนมิทธะเกิด ในขณะนั้นเป็นไปในฝักฝ่ายแห่งการทำลายไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน

# อย่าคิดว่าไม่อยากจะมีถีนมิทธะ เพราะเหตุว่าเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับไม่อยากจะมีโลภะ ไม่อยากจะมีโทสะ ไม่อยากจะมีโมหะ อกุศลทั้งหลายก็ไม่อยากจะมีทั้งนั้น แต่ไม่มีไม่ได้ เพราะเหตุว่าสะสมมาเนิ่นนานในสังสารวัฏฎ์ เมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น เพียงแต่เป็นผู้ที่รู้หนทางถูกว่า ถ้าเป็นผู้ที่ฟังพระธรรมแล้ว เพียงแต่เริ่มสังเกตเท่านั้น ก็จะเห็นได้ว่า ขณะนี้เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างจริงๆ ตรงตามที่ได้ทรงแสดงไว้ จนกว่าจะเป็นสติปัฏฐานที่ศึกษาลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเพิ่มขึ้น จนประจักษ์แจ้งในสภาพที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนได้จริงๆ

# ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ ก็สามารถเข้าใจพระธรรมได้ เมื่อมีการฟังพระธรรมด้วยความเคารพ

# พุทธบริษัท ต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังคำของพระองค์

# เมื่อใดไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาอันตรธาน

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๘๑

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paew_int
วันที่ 15 ก.พ. 2558

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 15 ก.พ. 2558

"...แม้แต่การฟัง ก็ต้องรู้ว่า ฟังใคร? ฟังอะไร?..."

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ. คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ch.
วันที่ 15 ก.พ. 2558

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธุลีพุทธบาท
วันที่ 15 ก.พ. 2558

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างสูงยิ่ง

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่นเป็นอย่างสูง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
siraya
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pulit
วันที่ 16 ก.พ. 2558

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ปวีร์
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
orawan.c
วันที่ 16 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เมตตา
วันที่ 17 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ. คำปั่น อักษรวิลัย ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
aurasa
วันที่ 17 ก.พ. 2558

"พุทธบริษัท ต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังคำของพระองค์"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Seamsak@rtaf.mi.
วันที่ 18 ก.พ. 2558

อ่านแล้วได้ความรู้ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้อ่านมากเลยครับ รู้สึกมีความสุขที่ได้อ่าน แล้วก็จะอ่านต่อไป ขอบคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Wisaka
วันที่ 22 ก.พ. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
นิตยา
วันที่ 23 เม.ย. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
มังกรทอง
วันที่ 18 ธ.ค. 2565

เข้าใจธรรมะคือเข้าใจสิ่งที่มีจริง ในความเมตตาที่ท่านอาจารย์สุจินต์ แจ้งให้เรา (จิตและเจตสิก) ได้ฟังได้ไตร่ตรอง จนเข้าใจ และเข้าใจเพิ่มขึ้น จนประจักษ์แจ้ง นำสู่ละความเป็นเรา และขอบพระคุณ และอนุโมทนาท่าน เจียมจิตที่นำธรรมะมาให้เห็น ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ธ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ