ความอยากมี อยากเป็น อยากได้ ทำให้ไม่รู้จักพอ

 
ธรรมทัศนะ
วันที่  4 ม.ค. 2550
หมายเลข  2589
อ่าน  23,365

สิ่งที่ต้องระมัดระวังสำหรับคฤหัสถ์ คือ ความอยากมี อยากเป็น อยากได้ทำให้ไม่รู้จักพอ เช่น อยากได้ของที่เกินฐานะ ทำให้ต้องไปกู้ยืมจนเป็นหนี้เกินตัว ทำให้ต้องดิ้นรน เป็นทุกข์หรือเกิดการทุจริตได้ ควรเตือนตนไว้เสมอในความพอดี มีเศรษฐกิจพอเพียง คือ เพียงพอในการดำรงชีวิตด้วยสุจริตเลี้ยงสังขารนี้เพื่อศึกษาธรรมะ เจริญปัญญา สะสมความเห็นถูก มากขึ้นๆ เพื่อละกิเลส และเพื่อถึงที่สุด คือ ความหลุดพ้น ไม่ต้องเกิดอีก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
supakorn
วันที่ 4 ม.ค. 2550
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 4 ม.ค. 2550

คนที่ไม่มีทรัพย์แต่มีปัญญาประเสริฐกว่าคนที่มีทรัพย์แต่ไม่มีปัญญา อริยทรัพย์ ๗ มีแก่หญิงหรือชาย คนนั้นชื่อว่าไม่จน ทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา หิริ โอปตัปปะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 ม.ค. 2550

ยังไงก็ตาม ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังไม่รู้จักพอ เพราะยังหนาด้วยกิเลส และยังไม่ใช่พระอนาคามี แต่ไม่ใชว่าจะไม่ละคลายเลย เพราะเมื่อปัญญาเจริญมากขึ้นความละคลายก็จะเพิ่มมากขึ้นถึงแม้จะไม่ดับหมด แต่ก็น้อยลงตามระดับปัญญา ดังนั้น การอบรมบารมีในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควบคู่กับการเจริญสติปัฏฐานครับซึ่งเราจะต้องพิจารณาก่อนว่ากิเลสอะไรที่จะละเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ ความเห็นผิดครับ แต่ข้อความพระธรรมจากพระไตรปิฎกก็ช่วยขัดเกลากิเลสทุกทาง ดังเช่นตัวอย่างที่จะยกมา แสดงให้เห็นว่า กาม หรือ รูป เสียง ... หรือ แม้ทรัพย์ กับ ปัญญาสิ่งใดประเสริฐกว่ากันครับ ลองอ่านดูนะ ไม่ยาว ครับ

ข้อความบางตอนจาก ...

กามชาดก

[เล่มที่ 60] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ 145

[๑๖๔๒] เมื่อยังระลึกถึงกามอยู่ตราบใด ก็ไม่ได้ ความอิ่มด้วยใจตราบนั้น ชนเหล่าใดบริบูรณ์ด้วย ปัญญา มีกายและใจหลีกเว้นจากกามทั้งหลาย เห็น โทษด้วยญาณ ชนเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นผู้อิ่ม

[๑๖๔๓] บรรดาความอิ่มทั้งหลาย ความอิ่มด้วย ปัญญาประเสริฐ เพราะผู้อิ่มด้วยปัญญานั้น ย่อมไม่ เดือดร้อนด้วยกามทั้งหลาย คนผู้อิ่มด้วยปัญญา ตัณหา ย่อมกระทำให้อยู่ในอำนาจไม่ได้

[๑๖๔๔] ไม่พึงสั่งสมกามทั้งหลาย พึงเป็นผู้มี ความปรารถนาน้อย ไม่มีความละโมบ บุรุษผู้มีปัญญา เปรียบด้วยมหาสมุทร ย่อมไม่เดือดร้อนด้วยกาม ทั้งหลาย

[๑๖๔๕] ช่างทำรองเท้าหนังเลี้ยงชีพ เมื่อประกอบรองเท้า ส่วนใดควรเว้นก็เว้น เลือกเอาแต่ส่วนที่ดีๆ มาทำรองเท้า ขายได้ราคาแล้ว ย่อมมีความสุข ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน พิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ละทิ้งส่วนแห่งกามเสีย ย่อมถึงความสุข ถ้าพึงปรารถนาความสุขทั้งปวง ก็พึงละกามทั้งปวงเสีย

ส่วนข้อความที่ปุถุชนนั้นไม่รู้จักพอจะแสดงตัวอย่างในพระไตรปิฎกครับ

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 53

ข้อความบางตอนจาก ...

รัชชสูตร

[๔๗๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะมารด้วยพระคาถาว่า ภูเขาทองคำล้วนมีสีสุกปลั่ง ถึง สองเท่าก็ยังไม่พอแก่บุคคลหนึ่ง บุคคล ทราบดังนี้แล้ว พึงประพฤติสงบ ผู้ใดได้ เห็นทุกข์มีกามเป็นเหตุแล้ว ไฉนผู้นั้นจะ พึงน้อมใจไปในกามเล่า บุคคลทราบอุปธิ ว่าเป็นเครื่องข้องในโลกแล้ว พึงศึกษา เพื่อกำจัดอุปธินั้นเสีย.

ลำดับนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์ เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง รู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้หายไปในที่นั้นนั่นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ฟาง
วันที่ 5 ม.ค. 2550
อนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
medulla
วันที่ 5 ม.ค. 2550

อนุโมทนาค่ะ ขอบพระคุณมาก

เดี๋ยวนี้มีคำสอนลัดๆ ให้อยากไปนิพพาน รักพระนิพพาน จินตนาการว่าอยู่บนนิพพานอยากปฏิบัติเร็วๆ ไม่ต้องศึกษา อยากทำบุญเพื่อได้บุญเยอะๆ จะได้มีใช้ในอนาคต แก้กรรมไปวันๆ ดิฉันว่า ก็คงจะเป็นตัวตนตลอดไป ยืดเวลาสังสารวัฏไปอีกยาวนาน

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
devout
วันที่ 6 ม.ค. 2550

เป็นการสร้างความหวังให้กับผู้ที่ไม่มีปัญญาค่ะ

รู้สึกสลดใจนะคะที่ความเข้าใจในพระสัทธรรมของชาวพุทธนั้นมีน้อยเหลือเกิน คงต้องร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเผยแพร่พระธรรมที่ถูกต้อง ในทุกๆ ที่เมื่อมีโอกาสนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pla
วันที่ 8 ม.ค. 2550
ตายไปสิ่งที่ไปด้วยก็คือ ความดีกับความไม่ดีนะคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 28 ก.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 13 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ