ฝั่งนี้ กับ ฝั่งโน้น

 
เมตตา
วันที่  8 ต.ค. 2557
หมายเลข  25618
อ่าน  1,977

การที่จะพ้นจากฝั่งนี้ได้ ก็ด้วยปัญญาที่เริ่มจากการอบรมเจริญความเห็นถูก เข้าใจถูกปัญญาที่รู้สภาพธรรม แต่ละอย่างตามความเป็นจริง แล้วอะไรเจริญ ต้องเป็นความเห็นถูกเจริญ (เจริญให้มีมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น) ถ้าไม่มีการฟังธรรม ไม่มีความเข้าใจอะไรเจริญ มิจฉาทิฏฐิก็เจริญ การข้ามจาก ฝั่งนี้ ไปสู่ ฝั่งนั้น ไม่ใช่ไปได้ด้วยยานใดๆ แต่ไปด้วยการอบรมความเห็นถูก เข้าใจถูก ในความจริง ที่กำลังปรากฏแต่ละอย่างเห็น ได้ยิน..และคิดนึก ซึ่งเป็น ทางสายกลาง ทางเดียว คือ อบรมอริยมรรค์มีองค์ ๘มรรค์แรก คือ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงขณะนี้ ทรงแสดงฝั่งนี้ และ ฝั่งโน้นฝั่งข้างนี้ ไม่ใช่ฝั่งที่เกษม เป็นไปกับสังสารวัฏฏ์ เต็มไปด้วย ทุกข์ โทษภัย

พระผู้มีพระภาคไม่ได้เพียงทรงแสดง ฝั่งโน้น ซึ่งเป็นทางปลอดภัย แต่ยังทรงแสดงหนทาง เพราะฝั่งนี้สัตว์เลาะไปตามตลิ่ง หมายถึงสักกายทิฏฐิ ความเห็นผิด นั้นเป็นธรรมที่สำคัญที่ทำให้เลาะอยู่ตามตลิ่ง ไม่สามารถข้ามฝั่งไปได้ ติดอยู่ในความยินดีบ้าง ผิดหวังบ้าง เพราะยินดีในสิ่งที่เพียงปรากฏแล้วหมดไป

ตอนนี้กำลังอยู่ฝั่งไหน ฝั่งไม่รู้ คือ ฝั่งนี้ แต่ละชีวิตอยู่กับที่ไม่ได้ เมื่อมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ก็ฟังเพื่อเข้าใจถูกต้อง ถ้าไม่มีความเข้าใจก็จะอยู่กับชีวิตที่เป็นไปด้วยความไม่รู้ตลอดไป ชีวิตที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความไม่รู้ และกิเลสที่สะสมมา แต่ในขณะนี้สามารถที่จะเดินทาง กำลังเดินทางไปไหน จากฝั่งของความไม่รู้ ไปสู่ฝั่งของความรู้ความลึกซึ้งของเทศนา ฝั่งนี้ ไปสู่ ฝั่งโน้น จากอกุศล ไปสู่ กุศล จากความไม่รู้ ไปสู่ ความรู้ ขณะนี้กำลังไป จะไปทางไหน แม้ขณะนี้กำลังไปทางที่ถูก แต่ก็ยังไม่ถึงการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แต่ขณะนี้ชีวิตกำลังเดินทางถูก กำลังฟังเข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนฟังธรรม พูดแต่คำที่ไม่รู้จัก เมื่อฟังธรรมแล้ว เริ่มเข้าใจเทศนา ซึ่งเต็มไปด้วย เนื้อความ กว่าจะถึงการเข้าใจจริงๆ ก็ต้องเริ่มสะสมความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ มิฉะนั้นชีวิตดำเนินไปมีแต่ความไม่รู้ จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ซึ่งเป็นสักกายทิฏฐิ จึงเลาะไปตามตลิ่ง

ดังนี้ สิ่งที่ต้องละก่อนคือความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ซึ่งจะละได้ด้วยการค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เป็นธรรม ไม่ใช่เรา สะสมความเห็นถูก ทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตนเลย จึงจะเป็นทางที่ไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

ฟังธรรมเพื่อเข้าใจว่า ไม่มีเรา ไม่ใช่ฟังเพื่อ เราจะทำ เราจะเจริญปัญญา เราจะปฏิบัตินั่นก็ยังเป็นเรา ฟังจนกว่าจะเป็นความเข้าใจที่ มั่นคง ในสิ่งที่มีจริง เป็นสัจจญาณ ซึ่งเป็นทางไปสู่ กิจจญาณ และการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับ กิเลส หมดสิ้น ข้ามฝั่งคือ พระนิพพานที่ข้ามได้โดยยากยิ่งได้

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 8 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ประสาน
วันที่ 9 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 9 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 9 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตตาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tanrat
วันที่ 10 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 10 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tanrat
วันที่ 10 ต.ค. 2557

อย่าหวังว่าจะพยายามทำอะไรทั้งสิ้น อย่าฟัง พิจารณาแบบลวกๆ แล้วจะข้ามฝั่ง ถ้าสติสัมปชัญญะยังไม่เกิด ต้องอดทนฟังไป และพิจารณาไปอีกนาน ค่อยๆ เป็นไป สะสมไปแต่อย่าเป็นผู้ที่ประมาทในการเจริญกุศล ซึ่งกว่าจะเกิดปรากฏก็แทบไม่มีแต่ละขณะแค่คิดว่าไม่ใช่ตัวตนที่เขียนนี้ก็ยากเกือบแย่ พระธรรมยากมากค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
nattawan
วันที่ 10 ต.ค. 2557

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
j.jim
วันที่ 18 ต.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ