ธรรมะ กับ ธรรมชาติ

 
kumlikit
วันที่  11 ส.ค. 2557
หมายเลข  25275
อ่าน  3,284

ธรรมชาติสร้างโลกมา ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติถือเป็นเรื่องธรรมดา ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ นี่คือธรรมะ อะไรๆ ก็เป็นไปเช่นนั้นเอง (ตถาตา) ไม่มีดี ไม่มีชั่ว ไม่มีบาป ไม่มีบุญ ดีชั่ว บุญบาป เป็นเรื่องสมมติที่จิตคิดไปเอง สมมติเอง ปรุงแต่งเอง คิดดีก็เป็นกุศลจิตเป็นบุญ คิดชั่วเป็นอกุศลจิตเป็นบาป ไม่คิดดี ไม่คิดชั่วไม่สมมติ เป็นกลางวางเฉยก็เป็นอุเบกขาหรือกริยาจิต ซึ่งเป็นจิตเดิมตามธรรมชาติ สะอาดประภัสสรณ์ สัจจะธรรมแล้วสรรพสิ่งมีแต่สสารกับพลังงาน หมุนเวียนปลี่ยนผันไปตามเหตุ ตามปัจจัย จิตตะหากชอบจินตนาการ ชอบสมมติเป็นโน่น นี่ นั่น วุ่นวายกันทั้งโลกเพราะจิตนั่นเอง

หมายเหตุ จิตคือพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า เกิดจากเซลล์สมองผลิตกระแสไฟฟ้า เมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกทางทวารทั้งหก หรือสิ่งเร้าภายในจากจิตคิดเอง มีสี่แบบ คือคลื่นเบต้า แอลฟ่า ธีต้า และเดลต้า ตามความถี่ของคลื่น ยิ่งคลื่นมีความถี่สูง จิตจะตื่นตัว เครียด ใจร้อน ยิ่งคลื่นมีความถี่ต่ำ จิตจะผ่อนคลาย ใจเย็น สุขุม ละไม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 11 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมะ กับ ธรรมชาติ พระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดง ละเอียด ลึกซึ้งครับ แม้แต่คำว่า ธรรม คำว่าธรรมชาติ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ไม่ได้มีกล่าวไว้ว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ พระองค์แสดง คำว่า ธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด และ คำว่าธรรมยังมีความหมายกว้าง แม้สิ่งที่ไม่มีจริง ที่เป็นบัญญัติ เช่น ต้นไม้ ภูเขา ก็เป็นธรรมที่เป็นบัญญัติธรรม ดังนั้น คำว่า ธรรมจึงมีหลายความหมายและกว้าง รวมทั้งสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและสิ่งที่ไม่มีจริงด้วยครับ แต่โดยความมุ่งหมาย เมื่อเรากล่าวถึงคำว่า ธรรม ตามที่พระองค์ทรงแสดง ก็มุ่งหมายถึงสิ่งที่มีจริงนั่นเอง ส่วนคำว่า ธรรมชาติ ตามที่ชาวโลกเข้าใจกัน ก็คือ ต้นไม้ ภูเขา ทุกๆ สิ่งๆ แต่ชาวโลกไม่ได้รู้สัจจะความจริงว่า มีสิ่งที่มีจริงที่เป็น นามธรรมและรูปธรรมด้วย จึงสำคัญว่าทุกสิ่งเป็นธรรมชาติก็คือบัญญัติต่างๆ ที่เป็นเรื่องราว เช่น บ้าน คน สัตว์ ต้นไม้ ภูเขา ดังนั้น เมื่อได้ยินใครกล่าวว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ นั่นก็ไม่ตรง ไม่ถูกต้อง เพราะ ธรรมหมายถึงสิ่งที่มีจริงที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและนิพพานด้วย ไม่ใช่ ธรรมคือธรรมชาติที่เป็น ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ สิ่งของที่เป็นบัญญัติเท่านั้นครับ

ปุถุชนผู้ไม่ได้รู้ความจริง เพราะปุถุชน ย่อมสำคัญ เข้าใจว่า ธรรม ก็คือ ธรรมชาติ อันเป็นสิ่งที่เห็น ที่ปรากฏในโลกนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เห็น แล้วคิดนึก ได้ยินแล้วคิด จึงปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐาน เป็นสิ่งต่างๆ จึงสำคัญผิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่รู้ได้ทาง ตา หลังจากคิดนึกแล้ว เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรม เป็นธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ น้ำตก คน สัตว์ นั่นก็เท่ากับว่า เข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่ไม่มีจริง ไม่มีลักษณะเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมนั่นเอง เพราะฉะนั้น ธรรมชาติไม่ใช่ธรรมทั้งหมด เพราะธรรม ครอบคลุมสภาพธรรมทุกอย่างทั้งที่มีจริงและไม่มีจริงด้วยครับ ดังนั้น คำว่า ธรรมและธรรมชาติ จะต้องเข้าใจให้ตรงกัน และให้เข้าใจให้ถูกต้อง ให้ตรงกัน แม้แต่คำว่า ธรรมและธรรมชาติ ครับ

ธรรม ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและพระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 11 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา โดยพระองค์ทรงใช้พยัญชนะที่หลากหลายมากมายในการแสดงพระธรรมเทศนา เพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจถึงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง เพราะแต่ละคำที่ทรงแสดงนั้น เป็นคำจริงเพื่อเข้าใจความจริงโดยตลอด สำหรับธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งทีกระทบสัมผัส คิดนึก จิตเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก เป็นกิริยา โดยประมวลแล้ว เป็นจิต เจตสิก รูป หรือ เป็นนามธรรม กับ รูปธรรม เมื่อประมวลให้ย่อที่สุดแล้วคือ เป็นธรรม หรือ เป็นธาตุ เมื่อเป็นธรรม เป็นธาตุแต่ละอย่างๆ จึงหาความเป็นสัตว์เป็นบุคคลไม่ได้เลย

การศึกษาธรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด จุดประสงค์ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ตามความเป็นจริงถ้าไม่อาศัยการฟังไม่อาศัยการศึกษาอย่างต่อเนื่องด้วยความละเอียดรอบคอบแล้ว ย่อมไม่สามารถเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ดังนั้น จึงต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นไปตามลำดับ ครับ

..ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ.....

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 11 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 12 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 12 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 15 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เจียมจิต
วันที่ 25 พ.ย. 2560

กราบขอบพระคุณ/กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 2 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ