สัตว์มีชีวิต

 
nattawan
วันที่  18 พ.ค. 2557
หมายเลข  24878
อ่าน  938

อย่างไรจึงเรียกว่า สัตว์มีชีวิต


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ การที่จะเข้าใจธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ใช่การคิดเอาเอง แต่ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ เมื่อได้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะพ้นจากการคิดธรรมเอาเองเพราะได้ฟังและได้เข้าใจตามความเป็นจริง สิ่งที่มีชีวิตตามความเป็นจริงแล้ว ต้องเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานเท่านั้น

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 443

อนึ่งขันธสันดานที่เรียกกันว่าสัตว์ ชื่อว่า ปาณะ ในคำว่า ปาณาติปาโต นี้ ขันธสันดานนั้นโดยปรมัตถ์ ได้แก่ รูปชีวิตินทรีย์ และอรูปชีวิตินทรีย์. แท้จริงเมื่อ รูปชีวิตินทรีย์ที่บุคคลให้พินาศแล้ว อรูปชีวิตินทรีย์นอกนี้ก็พินาศไป เพราะอรูปชีวิตินทรีย์ เนื่องกับรูปชีวิตินทรีย์นั้น.

ขอเพิ่มเติมเรื่องชีวิต ครับ

ชีวิต คือ ขณะจิต เจตสิกที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เพราะฉะนั้น ชีวิต ก็คือ การเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก

ชีวิตเริ่มต้น เมื่อจิตเกิดขึ้น โดยสมมติ คือ ขณะที่เกิด คือ ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น ชีวิตเกิดขึ้นในขณะนั้น แต่ในความเป็นจริง จิต เจตสิกเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมดับไปเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นชีวิตก็มีที่สิ้นสุด คือ ขณะที่จิต เจตสิกดับไป ก็ชื่อว่าสิ้นสุด ตาย ชั่วขณะนั้น และหากยังมีกิเลส ยังมีร่างกาย ก็เป็นปัจจัยให้ชีวิตเกิดขึ้นมาใหม่อีก คือ มี จิต เจตสิกเกิดขึ้นมาใหม่ และก็ตายอีก เมื่อจิตนั้นดับไป ชีวิตจึงใหม่เสมอ เพราะ มีจิต เจตสิกเกิดขึ้นและดับไป เกิดขึ้นใหม่เสมอ

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าชีวิตเป็นของน้อย เพียงชั่วขณะที่จิตเกิดขึ้นและดับไปแสนสั้น เกิดและตายอยู่ทุกขณะ โดยไม่รู้เลย เพราะสำคัญว่าเที่ยง เมื่อชีวิตคือ ขณะจิตเป็นของน้อยอย่างนี้ ควรที่จะไม่ประมาท อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม ที่จะเป็นที่พึ่งต่อไปในโลกหน้า และ ดับกิเลส อันเป็นต้นเหตุให้เกิดชีวิต อันนำมาซึ่งทุกข์ทั้งปวงได้ในที่สุด ครับ

ขอเชิญอ่านโดยตรงจากพระไตรปิฎก

ชีวิต[อุปเนยยสูตร]

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 18 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์มีชีวิต หรือ สิ่งที่มีชีวิต นั้น ต้องเกิดเพราะกรรม ไม่ว่าจะเกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นมนุษย์ ขณะนี้ แต่ละขณะๆ ที่จิตเกิดขึ้นเป็นไป เรียกว่า ชีวิต, คำว่า ชีวิต มีความหมายหลายอย่าง ดังข้อความจากขุททกนิกาย มหานิทเทส ว่า “คำว่า ชีวิต ได้แก่ อายุ ความดำรงอยู่ ความดำเนินไป ความให้อัตภาพดำเนินไป ความเป็นไป ความหมุนไป ความบำรุงเลี้ยงรักษา ความเป็นอยู่ ชีวิตินทรีย์ (ชีวิตินทรีย์ มี ๒ อย่าง คือ ชีวิตินทริยรูป รูปที่ทรงชีวิต เกิดจากกรรม มีลักษณะรักษารูปที่เกิดขึ้นพร้อมกันให้มีชีวิตดำรงอยู่ได้ ทำให้รูปของสัตว์ที่มีชีวิตแตกต่างจากรูปของสิ่งที่ไม่มีชีวิตหรือสัตว์ที่ตายแล้ว และ ชีวิตินทริยเจตสิก เป็นเจตสิกธรรมที่เกิดขึ้นอนุบาลรักษาธรรมที่เกิดร่วมกันให้ดำรงอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะดับไป)

ประโยชน์สูงสุดที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็คือ การศึกษาพระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา มีความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นที่พึ่งในชีวิตได้จริง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้สะสมกุศล คือ ความดี นำมาซึ่งประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และประโยชน์สูงสุด คือ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น มีแต่จะนำมาซึ่งประโยชน์โดยส่วนเดียวเท่านั้นจริงๆ ซึ่งต้องเริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตั้งแต่ในขณะนี้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 19 พ.ค. 2557

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...

ชีวิตรูป ชีวิตินทรียเจตสิก

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 19 พ.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ