วิริยะ กับ โลภะ

 
tee
วันที่  17 พ.ค. 2557
หมายเลข  24872
อ่าน  1,194

ฟังการสนทนาธรรมบ่อยครับ จาก CD ที่ไปซื้อมา ฟังไปฟังมา เลยสงสัยว่า กำลังเป็นโลภะหรือกำลังเป็นวิริยะ (ฟังแล้วก็ชอบเพราะเข้าใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเลยทำให้เข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตประจำวัน ความเดือดร้อนต่างๆ เลยลดน้อยลงไป เลยติดที่จะฟัง)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประเด็น อยากฟังธรรม อยากอ่านพระไตรปิฎก เป็นสภาพธรรม โลภะ หรือ วิริยะ สภาพจิตเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพียงคำพูดเท่านั้น ว่า "อยากฟังธรรม อยากอ่านพระไตรปิฎก เพราะมีศรัทธา" มุ่งที่จะฟัง ที่จะศึกษา ที่จะอ่าน เพื่อความเข้าใจถูก ขัดเกลาความไม่รู้ นั่นไม่ใช่โลภะ แต่เป็นกุศลฉันทะ ที่ใฝ่ใจพอใจที่จะศึกษาพระธรรม แต่ถ้าอยากจะฟัง อยากจะศึกษา เพื่อจุดประสงค์อื่น เช่น เพื่อให้คนอื่นชื่นชมว่าเป็นคนศึกษาธรรม เพื่อลาภ สักการะ เป็นต้น นั้น ไม่ใช่กุศลอย่างแน่นอน แต่เป็นอกุศล อยากอ่าน อยากศึกษา ด้วยความต้องการเป็นไปกับอกุศล นั่นเป็น โลภะ แน่นอน ครับ

ข้อความจาก ปราภวสูตร แสดงว่า "ผู้ใคร่ธรรม เป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรม เป็นผู้เสื่อม” น่าพิจารณาทีเดียวว่า คำว่า ใคร่ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความติดข้องต้องการอย่างโลภะ แต่เป็นความพอใจ เป็นความปรารถนา เป็นความประสงค์ที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมแล้วน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ส่วนผู้ที่ประมาทมัวเมา กระทำแต่อกุศลกรรม ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้สะสมปัญญาเลย ย่อมเป็นผู้เสื่อม เสื่อมจากกุศลธรรมทุกๆ ประการ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้มีความเห็นถูก เห็นประโยชน์ของการฟัง ศึกษาพระธรรมด้วยปัญญา จึงมีฉันทะ และ วิริยะ ความเพียรที่จะฟังพระธรรม โดยการซื้อแผ่น มาฟัง เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นโลภะ แต่ เป็นฉันทะ กับ วิริยะ ที่เกิดกับกุศล ครับ

ถ้าเป็นผู้มีจุดประสงค์ที่ถูกต้องในการศึกษาพระธรรมว่า ศึกษาเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกจริงๆ เพราะเข้าใจว่าเต็มไปด้วยความไม่รู้ คือ อวิชชาที่ได้สะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ ถ้าไม่เริ่มฟัง ไม่มีฉันทะ ไม่มีความปรารถนาที่จะฟังพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องเลย ความเข้าใจถูก ก็จะเจริญขึ้นไม่ได้ นับวันมีแต่จะพอกพูนความไม่รู้ให้เพิ่มขึ้นต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้จึงฟัง จึงศึกษา เพื่อละคลายความไม่รู้ อย่างนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาและกุศลธรรมประการอื่นๆ แต่ถ้าตั้งจิตไว้ผิด ศึกษาเพื่ออย่างอื่น กล่าวคือ ศึกษาเพื่อลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ เพื่อเก่ง หรือ รู้ชื่อเยอะๆ เป็นต้น อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการศึกษาเพื่อทำร้ายตัวเองอย่างเดียว เพราะเพิ่มกิเลส เพิ่มความสำคัญตนให้มากขึ้น ครับ ขออนุโมทนา คุณ tee ที่สนใจ ศึกษาพระธรรม อนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 17 พ.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในภพนี้ชาตินี้ ก็แสดงว่าต้องเป็นผู้เคยได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เคยได้ฟังพระธรรม เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงสนใจที่จะฟัง ที่จะได้ศึกษาสะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกต่อไป ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้สะสมเหตุที่ดีมา แม้เสียงของพระธรรมจะอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ฟัง เพราะเป็นผู้ไม่มีศรัทธา ไม่หลั่งศรัทธามาที่จะรองรับพระธรรม

การฟังพระธรรม จุดประสงค์ตัองตรง คือ ฟังเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลากิเลส มีความไม่รู้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อละ เพื่อขัดเกลาโดยตลอด ถ้าศึกษาเพื่อจุดประสงค์อื่น เพื่อลาภสักการะ สรรเสริญ เป็นต้น นั่นไม่ตรงตั้งแต่ต้นแล้ว

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้งยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกว่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์ และเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ในการประกาศพระศาสนาของพระองค์นั้น ก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรมของพระองค์ในแต่ละครั้งๆ นั้น มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และพระอริยบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นกว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น

จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรม โดยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม ว่า ไม่ควรที่จะท้อถอย ยิ่งยากก็ยิ่งจะต้องศึกษา เพราะปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน (จิรกาลภาวนา) ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น เพราะเหตุว่าการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นเรื่องที่ไกลมาก ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นได้ก็ต้องมีวันนี้ คือ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมสะสมปัญญาต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 17 พ.ค. 2557

ขณะที่อยากฟังธรรม เป็นกุศล สลับกับอกุศลก็ได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ดวงทิพย์
วันที่ 17 พ.ค. 2557

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 19 พ.ค. 2557

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนากุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ