ผมเป็นพระบวชใหม่ ทำผิด สังฆาทิเสสข้อ 1 จะแก้ยังไงได้ครับ
ผมเป็นพระบวชใหม่ ทำผิด สังฆาทิเสสข้อ 1 จะแก้ยังไงได้ครับ ตอนนี้ยังบวชอยู่ครับ อยากทราบว่าต้องทำยังไงบ้างครับ ไม่อยาก มีกรรมติดตัว สำนึกผิดแล้วจริงๆ
อีกเรื่องนึงนะครับ อ่านๆ ดู พอสึกไปแล้วเค้าบอกว่าจะทำให้ทำอะไรติดขัดๆ กังวลมากครับ กลัว ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนัก แต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติ เพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัตต์ ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
ในกรณีที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ไม่ได้อยู่ปริวาสกรรม ลาสิกขาออกไปเป็นคฤหัสถ์ ย่อมไม่มีอาบัติติดตัวแต่อย่างใด และ ไม่เกี่ยวกับการจะทำอะไรให้ติดขัดครับ แต่เมื่อกลับเข้ามาบวชใหม่ อาบัติทั้งหมดที่ต้องแล้ว ไม่ได้ทำการแก้ไข เมื่อบวชครั้งก่อน ก็จะมีเหมือนอย่างเดิมต้องทำการแก้ไขด้วยการออกจากอาบัตินั้นๆ ตามสมควรแก่อาบัติชนิดนั้นๆ ที่ตนได้ล่วง กล่าวคือ ถ้าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ปกปิดไว้นานเท่าใด ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม เท่ากับจำนวนวันที่ตนเองต้อง ถึงจะออกจากอาบัตินั้นได้
แต่เมื่อยังเป็นพระภิกษุอยู่ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอยู่ปริวาส แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องไปอยู่ในสถานที่ใด สถานที่หนึ่ง เพื่ออยู่ปริวาสกรรม ครับ แม้แต่อยู่ในวัดของตนเอง ก็สามารถประพฤติอยู่ปริวาสกรรมได้ เพื่อแก้อาบัตินั้น ซึ่งสามารถแก้อาบัติสังฆาทิเสสได้ หากทำถูกวิธี และไม่ต้องไปสถานที่อื่น ครับ แต่หากไปสถานที่อื่น ไม่รู้การแก้อาบัติ สังฆาทิเสส ก็ไม่สามารถแก้ได้ ครับ
การอยู่ปริวาสก็คือ การอยู่วัตร ประพฤติให้สมควร อยู่ในวัดตนเอง การอยู่ปริวาส ก็เหมือนกับการติดคุก จำกัดบริเวณที่อยู่ ถูกลดฐานะ เช่น เคยมีสารเณรคอยรับใช้ก็ไม่มี เวลาเจอพระภิกษุต้องไหว้ก่อน แล้วก็บอกว่าเราทำผิดพระวินัยอะไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งสามารถอ่านวัตร ข้อปฏิบัติในการพ้นจากอาบัติสังฆาทิเสสได้ดังนี้
เชิญคลิก
ปาริวาสิกวัตร ๙๔ ข้อ .. ข้อวัตรของภิกษุผู้อยู่ปริวาส
ทุกอย่างแก้ไขได้ หากไม่ถึงการต้องอาบัติปาราชิก การเห็นโทษ และ กระทำคืน ย่อมเป็นการประพฤติที่ถูกต้อง เหมาะสมตามพระธรรมวินัย เพราะไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยทำผิด แต่ผิดแล้ว สำนึก แก้ไขถูกต้อง ย่อมเป็นบัณฑิตได้ ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาบัติสังฆาทิเสสเป็นอาบัติหนัก แต่แก้ไขได้โดยสงฆ์ คือ จะปลงอาบัติกับภิกษุเพียงรูปใดรูปหนึ่งไม่ได้ ต้องอาศัยสงฆ์ในการประพฤติ เพื่อการออกจากอาบัตินั้น เช่น การให้ปริวาส ให้มานัตต์ ต้องอาศัยสงฆ์อย่างน้อย ๔ รูปขึ้นไป
ในกรณีที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ไม่ได้อยู่ปริวาสกรรม ลาสิกขาออกไปเป็นคฤหัสถ์ ย่อมไม่มีอาบัติติดตัวแต่อย่างใด และ ไม่เกี่ยวกับการจะทำอะไรให้ติดขัดครับ แต่เมื่อกลับเข้ามาบวชใหม่ อาบัติทั้งหมดที่ต้องแล้ว ไม่ได้ทำการแก้ไข เมื่อบวชครั้งก่อน ก็จะมีเหมือนอย่างเดิมต้องทำการแก้ไขด้วยการออกจากอาบัตินั้นๆ ตามสมควรแก่อาบัติชนิดนั้นๆ ที่ตนได้ล่วง กล่าวคือ ถ้าเป็นอาบัติสังฆาทิเสส ปกปิดไว้นานเท่าใด ก็ต้องอยู่ปริวาสกรรม เท่ากับจำนวนวันที่ตนเองต้อง ถึงจะออกจากอาบัตินั้นได้
แต่เมื่อยังเป็นพระภิกษุอยู่ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส ต้องอยู่ปริวาส แต่ไม่ได้หมายความว่า จะต้องไปอยู่ในสถานที่ใด สถานที่หนึ่ง เพื่ออยู่ปริวาสกรรม ครับ แม้แต่อยู่ในวัดของตนเอง ก็สามารถประพฤติอยู่ปริวาสกรรมได้ เพื่อแก้อาบัตินั้น ซึ่งสามารถแก้อาบัติสังฆาทิเสสได้ หากทำถูกวิธี และไม่ต้องไปสถานที่อื่น ครับ แต่หากไปสถานที่อื่น ไม่รู้การแก้อาบัติ สังฆาทิเสส ก็ไม่สามารถแก้ได้ ครับ
การอยู่ปริวาสก็คือ การอยู่วัตร ประพฤติให้สมควร อยู่ในวัดตนเอง การอยู่ปริวาส ก็เหมือนกับการติดคุก จำกัดบริเวณที่อยู่ ถูกลดฐานะ เช่น เคยมีสารเณรคอยรับใช้ก็ไม่มี เวลาเจอพระภิกษุต้องไหว้ก่อน แล้วก็บอกว่าเราทำผิดพระวินัยอะไรบ้างเป็นต้น ซึ่งสามารถอ่านวัตร ข้อปฏิบัติในการพ้นจากอาบัติสังฆาทิเสสได้ดังนี้
เชิญคลิก
ปาริวาสิกวัตร ๙๔ ข้อ .. ข้อวัตรของภิกษุผู้อยู่ปริวาส
ทุกอย่างแก้ไขได้ หากไม่ถึงการต้องอาบัติปาราชิก การเห็นโทษ และ กระทำคืน ย่อมเป็นการประพฤติที่ถูกต้อง เหมาะสมตามพระธรรมวินัย เพราะไม่มีผู้ใดที่ไม่เคยทำผิด แต่ผิดแล้ว สำนึก แก้ไขถูกต้อง ย่อมเป็นบัณฑิตได้ ครับ ขออนุโมทนา
แล้วผมไปบิณฑบาต ขึ้นร่วมที่เค้าทำพิธีอุปสมบท และ พวกกิจนิมนต์ ได้หรือเปล่าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระภิกษุ เป็นเพศบรรพชิตที่สละอาคารบ้านเรือน สละ กองโภคสมบัติ ตลอดจนถึงวงศาคณาญาติ เพื่อเข้าสู่เพศที่สูงยิ่งเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ตราบใดที่ยังปฏิญาณตนว่าเป็นพระภิกษุอยู่ ยังไม่ได้ลาสิกขา ในเมื่อต้องอาบัติ ไม่ใช่เฉพาะอาบัติสังฆาทิเสสเท่านั้น แต่หมายรวมถึงอาบัติกองอื่นๆ ด้วยก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามพระวินัย เพราะเราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเราจะมรณภาพเมื่อใด เพราะถ้ามรณภาพขณะที่มีอาบัติอยู่ ก็มีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเท่านั้น น่ากลัวเป็นอย่างมาก และจะเห็นได้ว่าการต้องอาบัติเป็นเหตุให้เดือดร้อนใจจริงๆ จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็คงจะเป็นเครื่องเตือนให้กับตนเองว่า ไม่ควรสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเองอีกต่อไป ควรอย่างยิ่งที่จะได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น ไม่ล่วงละเมิดสิกขาบทครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...