รบกวนเรียนถามเรื่องอกุศลกรรมค่ะ

 
thilda
วันที่  28 ก.พ. 2557
หมายเลข  24531
อ่าน  1,081

สวัสดีค่ะ มีความสับสนในเรื่องอกุศลกรรมค่ะ รบกวนเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1) อกุศลกรรมนี้กว้างกว่ากรรมที่อยู่ในอกุศลกรรมบถใช่ไหมคะ เช่น การคิดในทางโลภะ หรือโทสะกับผู้อื่นในใจ ก็เป็นมโนกรรม เป็นอกุศลกรรมทางใจใช่ไหมคะ

2) อกุศลกรรมไม่ว่าจะหนักเบาแค่ไหนก็สามารถทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิได้ ซึ่งอาจไม่ใช่ชาติถัดไป แต่เป็นชาติต่อๆ ไปก็ได้ใช่ไหมคะ อกุศลกรรมที่ว่านี้เป็นอกุศลกรรมทั้งหมดหรืออกุศลกรรมในอกุศลกรรมบถคะ

3) แต่ก่อนเคยได้ยินว่า ถ้ารักษาศีล 5 เป็นปกติก็จะป้องกันการไปอบายภูมิได้ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นแล้วคำกล่าวที่ว่าให้รักษาศีล 5 จะได้ไม่ไปอบายภูมินี้มาจากไหนเหรอคะ

4) คนที่ประสบความยุ่งยากในชีวิตมากกว่าคนทั่วไปโดยเฉลี่ย แต่ไม่ได้เจ็บป่วยหนักหรือประสบอุบัติเหตุร้ายแรง เช่น ต้องทำงานหนักกว่าคนอื่นเพื่อให้ได้ผลเท่ากับคนอื่น โดนคนอื่นเอาเปรียบหรือโกงเสมอ อะไรที่สมควรจะได้ก็ไม่ได้ ฯลฯ เกิดจากการที่ไม่ได้ทำกุศลกรรมบางอย่างหรือเกิดจากการทำอกุศลกรรมบางอย่างคะ อันนี้อาจจะถามกว้างเกินไปค่ะ เพราะไม่ได้เป็นแต่ละขณะจิต แต่ก็คิดว่ามันต้องเป็นเพราะเหตุปัจจัยบางอย่างแน่ๆ

ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านมากๆ ค่ะ _/_


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 28 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ต้องเข้าใจก่อนว่า กรรม เป็นธรรมที่มีจริง คือ เจตนา เกิดร่วมกับจิตทุกขณะ แต่ถ้าเป็นเจตนาที่เกิดร่วมกับอกุศลจิต ก็เป็นอกุศลเจตนา ถ้าเกิดร่วมกับกุศลจิต ก็เป็นกุศลเจตนา ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ว่า อกุศลกรรมเป็นกรรมที่ไม่ดี ขณะที่อกุศลจิตเกิด เช่น อาบน้ำ ทานอาหาร เป็นไปกับด้วยโลภะ ความยินดีพอใจ ติดข้องต้องการ หรือ แม้เพียงขุ่นเคืองใจผู้อื่นโดยที่ไม่ได้ประทุษร้ายผู้อื่น กล่าวได้ไหมว่าขณะนั้น เป็นอกุศลกรรม ที่ไม่ใช่อกุศลกรรมที่เป็นอกุศลกรรมบถ และก็เป็นมโนกรรม หรือตามที่ท่านผู้ถามได้กล่าวว่า อกุศลกรรมทางใจ (แต่ไม่ใช่มโนกรรมที่ถึงความเป็นกรรมบถ) ด้วย เพราะไม่ได้ล่วงออกมาทางกาย หรือ ทางวาจา ธรรมละเอียดมาก สำคัญที่เข้าใจว่า กรรม มีจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นกรรมประเภทใด ระหว่างดี กับ ไม่ดี

-อกุศลกรรม ที่ครบองค์ เท่านั้นที่จะนำเกิดในอบายภูมิได้ ไม่ว่าจะหนักหรือเบา เช่น ฆ่าสัตว์ โดยที่มีองค์ คือ สัตว์มีชีวิต รู้ว่าเป็นสัตว์มีชีวิต มีจิตคิดจะฆ่า มีความพยายามในการฆ่า และสัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น อย่างนี้เป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์ สามารถนำเกิดในอบายภูมิ มี นรก เป็นต้นได้ แต่ไม่สามารถจะบอกได้ว่า กรรมดังกล่าวนี้จะให้ผลในชาติไหน ไม่สามารถจะรู้ได้ และถ้าเป็นเพียงอกุศลที่ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ เช่น เพียงโกรธขุ่นเคืองใจ ก็ไม่สามารถให้ผลนำเกิดในอบายภูมิ แต่สะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดีต่อไปในภายหน้า หรือ ถ้าเป็นอกุศลกรรมที่ไม่ครบองค์ เช่น ฆ่าสัตว์ แล้วสัตว์ไม่ตาย ไม่ครบองค์ แต่ก็เป็นอกุศลกรรม สามารถให้ผลที่ไม่ดีหลังจากเกิดแล้ว ได้ ที่กล่าวมานั้น เป็นธรรมที่มีจริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องของเหตุของผล เพราะเมื่อเหตุมีแล้ว ผล ก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นไปตามควรแก่เหตุ

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ก็จะต้องเข้าใจถึงความต่างกันของมโนกรรม กับมโนกรรมที่ถึงความเป็นกรรมบถ ถ้าขณะใดที่เจตนาเจตสิกเกิดกับกุศลจิต หรืออกุศลจิต ซึ่งไม่ใช่เป็นไปในทางกาย หรือทางวาจา ขณะนั้นก็เป็นมโนกรรม และก็ถ้าไม่ใช่เป็นไปในอกุศลกรรมบถ ๑๐ หรือกุศลกรรมบถ ๑๐ ขณะนั้นก็ไม่ถึงความเป็นกรรมบถ หรือไม่ถึงความเป็นมโนกรรมที่เป็นกรรมบถ

ขณะที่กำลังบริโภคอาหาร แต่งตัวธรรมดา ทำกิจการงานตามปกติ มีเจตนาเจตสิกเกิดกับอกุศลจิตนั้นๆ แต่เมื่อไม่ใช่กายกรรม วจีกรรมที่เป็นอกุศลกรรมบถ แม้ที่เกิดกับปัญจทวาร ก็เป็นมโนกรรม ไม่ใช่กายกรรม และวจีกรรม

วันหนึ่งทำอะไรบ้างคะ หยิบช้อนส้อม จับถ้วยแก้ว กวาดถู ซักรีด เป็นอกุศลกรรมบถหรือเปล่า? ไม่เป็น เจตนาที่เกิดกับจิตนั้นๆ เป็นอกุศลกรรมหรือเปล่า? เป็น

ขอเชิญคลิกฟังเพิ่มเติมได้ที่นี่ ครับ

ชุด เทปวิทยุ ครั้งที่ 1604

-ต้องมีความมั่นคงในความเป็นจริง การรักษาศีล เป็นกุศลกรรม เป็นความดี ถ้าความดีดังกล่าวให้ผล ก็สามารถนำเกิดในสุคติภูมิ ไม่สามารถนำไปเกิดในอบายภูมิได้เลย แต่กรรม มีมากมาย อกุศลกรรมก็ทำไว้มาก จึงไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า กรรมประเภทใด จะให้ผลนำเกิด เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดแม้แต่ในขณะต่อไป ประโยชน์อยู่ตรงที่ว่า ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิตประจำวัน สะสมความดี ละเว้นจากความชั่ว เพราะธรรมฝ่ายดีเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง

-การได้รับผลของกรรมในชีวิตประจำวัน ก็ต้องมาจากเหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต เพราะกระทำกรรมดี บ้าง กรรมไม่ดี บ้าง สัตว์โลกจึงมีความหลากหลายแตกต่างกันไป ไม่เหมือนกันเลย เป็นแต่ละหนึ่งจริงๆ เหตุที่ดี ก็ให้ผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม เหตุที่ไม่ดีจะให้ผลที่ดี ไม่ได้ ก็ต้องให้ผลเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ โดยไม่มีใครทำให้เลย สิ่งที่จะเป็นเครื่องป้องกันการได้รับวิบากที่ไม่ดี ก็ต้องสะสมเหตุที่ดี คือ คุณความดี ในชีวิตประจำวัน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ความดีจะให้ผล ที่ไม่ดี ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 28 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 28 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
rrebs10576
วันที่ 1 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 5 มี.ค. 2557

พอเข้าใจแล้วค่ะอาจารย์ (และคำถามสองข้อสุดท้ายเจาะจงเกินไป) ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ