อายุขัยของมนุษย์น้อยลงซึ่งสวนทางกับวิทยาการทางการแพทย์

 
medulla
วันที่  9 ธ.ค. 2549
หมายเลข  2443
อ่าน  1,526

เคยแปลกใจเหมือนกันค่ะว่า ยิ่งใกล้ พ.ศ. 5000 อายุขัยของมนุษย์ยิ่งน้อยลง เหลืออยู่ที่ประมาณ 75 ปี ดิฉันก็เป็นคนชอบศึกษาเรื่องสุขภาพ เรื่องศาสตร์บำบัดต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยม ก็พบว่า ปัจจุบันคนหันมาเอาใจใส่สุขภาพกันมากขึ้น การแพทย์ก็เจริญขึ้น อาหารเสริมก็วิจัยออกมาทุกรูปแบบ เครื่องมืออุปกรณ์เพื่อสุขภาพก็มีออกมากลาดเกลื่อน กลวิธีเพื่อสุขภาพก็มากขึ้น แต่ทำไมอายุขัยกลับน้อยลงเรื่อยๆ

จนมาคิดได้ว่า น่าจะ เป็นเพราะคนยุคหลังเป็นผู้มีปัญญาน้อยลงเรื่อยๆ มีความเคียดแค้นชิงชังกันง่าย เกิดโทสะในจิต ทำให้สารเคมีในร่างกายแปรปรวนเกิดอนุมูลอิสระจำนวนมาก แล้วก็ฆ่ากันตายง่ายๆ ทำอะไรก็ประมาท หุนหันพลันแล่น ตายแบบแปลกๆ เพราะทำอะไรรีบร้อน

อาจเพราะ มีกรรมปาณาติบาตอยู่มาก จึงประสบอุบัติเหตุหรือโรคภัยร้ายแรงตายก่อนวัยอันควร ตายหมู่ ตายกระทันหันเยอะมาก อย่างโรคหัวใจที่เป็นโรคตายกระทันหัน เดี๋ยวนี้คนเป็นเยอะมาก เพราะปัจจัยเช่น อาหาร และความเครียดในจิตสะสมเยอะมาก รวมไปถึงวิบากในอดีตด้วย

แล้วก็เรื่อง ภัยพิบัติต่างๆ ที่ยุคหลังนี้มีมาเรื่อยๆ ทั้งน้ำ ทั้งอากาศ ทั้งดิน ทั้งไฟทั้งลม แล้วในอนาคตก็ไม่รู้ว่า แผ่นดินจะทรุดหรือจะแยกหรือจะจม ยังไม่มีใครแน่ใจได้เลย เพราะเปลือกโลกก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ก็เห็นมีนักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนอยู่เนืองๆ แต่ไม่มีใครสนใจเท่าไรนัก

เรื่องอาหารก็มีทั้งสารเร่งโตในเนื้อสัตว์ ฮอร์โมนเร่งโตในพืช สารกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช สารกันบูด สารดัดแปลงสีและกลิ่นอาหาร สารเคมีมากมาย เคยคุยกับแม่ค้าขายผัก เค้ายังบอกเลยว่า ถ้าไม่ใช้สารพวกนี้ ผักขายสู้เจ้าอื่นไม่ได้ จำเป็นต้องใส่ เพราะกินไปก็ไม่ได้ตายทันที เอาผิดอะไรเค้าไม่ได้

แล้วเรื่องเชื้อต่างๆ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย ที่นับวัน ยิ่งดื้อยา และกลายพันธ์มาสู้กับยาได้เรื่อยๆ บางทีก็ล่องลอยสะพัดในอากาศ ทำให้เป็นโรคระบาดได้ง่ายๆ เพราะอากาศเป็นแบบนี้ อายุขัยเลยอาจจะน้อยลงอีกปัจจัยนึงก็ได้

ส่วนเรื่องน้ำ ก็มีนักวิทยาศาสตร์ เคยออกมาบอกว่า ผู้หญิงสมัยนี้กินยาคุมมากเวลาปัสสาวะ พอน้ำที่เกิดจากการขับถ่ายนี้ ถูกหมุนเวียนกลับมาใช้อีก แม้จะผ่านเครื่องกรองความละเอียดสูง หรือการฆ่าเชื้ออย่างไร ก็ไม่สามารถกำจัดพวกฮอร์โมนได้นอกจากการกลั่น ซึ่งยากที่คนจะได้ดื่มน้ำกลั่น แล้วเพราะในน้ำมีฮอร์โมนตกค้าง และไหนจะยาปฏิชีวินะต่างๆ ยาสารพัดที่ขับถ่ายจากตัวมนุษย์ แต่มันมีอณูเล็กว่ารูเครื่องกรอง และทนความร้อนความเย็นได้ ทนกรดทนด่างได้ ทำให้แม้แต่น้ำที่ดื่มไปทุกวันนี้ก็ทำให้เกิดปัจจัยของโรคได้ ไม่ใช่แค่นิ่ว แต่สารพัดโรค ผู้หญิงหรือผู้ชายบางคน อยู่ๆ ไปกลับเป็นหมัน หรือเป็นเนื้องอก เป็นมะเร็ง เค้าก็มีความคิดเห็นว่า ยุคนี้น่าจะมาจากน้ำที่มีฮอร์โมนปนเปื้อน ซึ่งเทคโนโลยีการกรองทุกวันนี้ยังกรองไม่ได้ ต้องกลั่นดื่มเท่านั้น

อันนี้เล่าสู่กันฟังนะคะ ก็ประมาทไม่ได้เลย จะเสียชีวิตเวลาไหนก็ได้ เพราะสิ่งแวดล้อมมันเลวร้ายลงแบบเงียบๆ เป็นภัยเงียบ ดังนั้น ก็เป็นโอกาสอันสูงส่งที่ได้ฟังพระธรรม เพราะในยุคนี้ไม่ได้มีเวลานานนักที่จะได้ศึกษาธรรมให้เข้าใจ และพระสัทธรรมก็เริ่มเสื่อมสูญลงเรื่อยๆ ผู้คนส่วนใหญ่กลับสนใจการปฏิบัติง่ายๆ ลัดๆ แต่ไม่มีปัญญา อีกทั้งอายุขัยอาจไม่มากพอที่จะศึกษาจนเข้าใจ ถ้าตายไป แล้วบุญกุศล และปัญญาไม่พอ ความมั่นคงในพระพุทธศาสนาก็ไม่มี อาจไปเกิดอยู่ในศาสนาอื่นหรือไม่มีศาสนา หรือเกิดในทุคติภูมิก็ได้ อาจต้องพลัดหลงอยู่เป็นโกฏิเป็นกัปป์ อนันตชาติ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 10 ธ.ค. 2549

เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

เหตุแห่งการเสื่อมถอยของอายุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
อิสระ
วันที่ 11 ธ.ค. 2549
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yupa
วันที่ 12 ธ.ค. 2549

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง นับวันผู้คนใช้ชีวิตด้วยความประมาท ไม่นับถือภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ งมงายกับวัตถุนิยม จึงไม่แปลกใจที่คนเราจะอายุสั้นลงๆ ถ้ามีอายุยืนยาว ก็เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ จิตใจก็กระด้างขึ้นอยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เป็นภัย มากขึ้นทุกที

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 12 ธ.ค. 2549

ขออนุโมทนาค่ะ คนรุ่นใหม่นี้ (ที่จริงดิฉันก็ไม่ใช่คนสูงอายุหรอก) มีความอดทนอดกลั้นต่ำ เพราะเกิดมาในยุคกดปุ่ม ทุกอย่างทันใจไปหมด พอมีเรื่องไม่ทันใจขึ้นมาก็โมโห บางครั้งรุนแรงถึงขั้นทำร้ายกันจนบาดเจ็บและฆ่ากันตายง่ายๆ เรื่องสนุกคะนองเป็นของโก้เก๋ชาวบ้านจะเดือดร้อนก็ช่างชาวบ้านปะไร (ชาวบ้านน่ะก็บุพการีทั้งสองนั่นแหละ) ปัญญาก็มีน้อยเพราะมองเห็นของฉาบฉวยมีค่า ยาสมัยใหม่ดีแค่ไหนก็แก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ นึกถึงพุทธพยากรณ์ที่มีต่อความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล 16 ประการ กับเหตุการณ์ในปัจจุบันทั่วโลกแล้ว รู้สึกว่าชีวิตอันสั้นในปัจจุบันชาตินี้มีค่ามากๆ และประมาทไม่ได้ไม่อย่างนั้น อาจจะต้องไปใช้ชีวิตสั้นๆ ยาวๆ มีรูปร่างต่างๆ กันไป ตามแต่กระแสกรรมจะพัดพาไปหล่นปุ๊ลงตรงไหนอย่างไม่สิ้นสุด แล้วมันจะแย่ยิ่งกว่าที่เห็นในปัจจุบันชนิดเทียบกันไม่เห็นฝุ่น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
medulla
วันที่ 13 ธ.ค. 2549

ดิฉันจึงคิดว่า ยิ่งโลภะเจริญมากเท่าไหร่ โทสะก็เกิดง่ายขึ้นเท่านั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 13 ธ.ค. 2549
เห็นด้วยจริงๆ ค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
lovedhamma
วันที่ 10 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ