การหยั่งลงในครรภ์มารดา

 
lovedhamma
วันที่  5 ก.พ. 2557
หมายเลข  24421
อ่าน  1,246

ได้อ่านหนังสือของคุณดังตฤณ เล่ม เสียดาย คนตายไม่ได้อ่าน มา โดยผมสนใจหัวข้อเหตุใดจึงเกิดเป็นมนุษย์ ตรงประเด็นเรื่อง การหยั่งลงในครรภ์มารดา คุณดังตฤณ ได้บอกในหนังสือว่า ถ้าไม่มีสัตว์ในภูมิอื่นใดทั้งที่สูงกว่าและต่ำกว่าภูมิมนุษย์ เหมาะจะมาเกิดในท้องของหญิงคนหนึ่งๆ ได้ ต่อให้ชายหญิงคู่นั้นพยายาม (ทำอะไรกัน) จนตาย ก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ (มีลูก) เลย ตรงนี้คุณดังตฤณ สรุปความถูกแล้วใช่มั้ยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงใม่ใช่การตรึกนึกคิด ตามที่เข้าใจเอาเอง ซึ่งการจะมาเกิด ในครรภ์ของใคร และ ผู้ที่มาเกิด ก็ต่างมีกรรมของแต่ละคน แต่ละท่าน ไม่ได้หมายความถึง จะต้องรอคอยความเหมาะสมจาก สัตว์อื่น ภพภูมิอื่นเป็นสำคัญ เพราะ สิ่งที่นำมาซึ่งความเหมาะสม และ ถูกต้องที่สุด ที่จะมาเกิดในครรภ์ของผู้นั้น และ ผู้ที่จะมีครรภ์ด้วย คือ กรรม เพราะ อำนาจของกรรมเท่านั้นเป็นสำคัญ เมื่อกรรมให้ผลแล้ว ที่ผู้นี้ จะต้องอุ้มครรภ์ สัตว์อื่น ที่ จุติจิตเกิด ก็มา ปฏิสนธิมาที่ครรภ์นี้ เพราะ อำนาจอะไร เพราะ อำนาจของกรรมเป็นสำคัญ ทั้งผู้ที่อุ้มครรภ์ และผู้ที่เกิดในครรภ์ก็มาด้วยอำนาจกรรม ไม่ใช่เป็นการสมมติเรื่องราว แต่ หากว่า กรรมนั้น ไม่ทำให้ผู้นั้นจะต้องตั้งครรภ์ และ ไม่มีกรรมใด กรรมหนึ่ง ที่จะทำให้สัตว์ใดสัตว์หนึ่งมาเกิดในครรภ์นั้น สัตว์นั้นก็ไม่เกิดในครรภ์นั้น เพราะ อะไร เพราะ กรรมเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างจะต้องย้อนกลับมาที่ กรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่การพิจารณาด้วยเรื่องราวทางโลก ที่ว่า มี หรือ ไม่มี สัตว์ที่เหมาะสม ในการเกิดในครรภ์

การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เป็นผลของกุศลกรรม อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มพูนความมั่นคงในเรื่องกรรมและผลของกรรมได้บ้าง เมื่อเหตุดี ผลก็ต้องดี ดังนั้น เมื่อได้อัตภาพความเป็นมนุษย์แล้ว จึงไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ด้วย สำหรับการเจริญกุศลในชีวิตประจำวันนั้นดีที่สุด คือไม่หวังความดี เป็นสิ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวัน เพราะเหตุว่าวันหนึ่งๆ อกุศลจิตเกิดบ่อยมาก แม้แต่ขณะที่กำลังฟังพระธรรมอยู่แท้ๆ อกุศลจิตก็ยังสามารถที่จะเกิดแทรกได้เลย (คงไม่ต้องกล่าวถึงขณะที่ไม่ได้ฟังพระธรรม) ถ้าไม่ได้เจริญกุศล ก็ย่อมเปิดโอกาสให้อกุศลเกิดหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ในส่วนใดก็ตาม ทั้งหมดทั้งปวงนั้น ก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง และเพื่อความไม่ประมาทในชีวิต เพราะเหตุว่าในที่สุดแล้วทุกคนก็จะต้องตาย แต่ก่อนที่จะตาย ซึ่งก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเป็นวันใดเวลาใดนั้น ก็ควรที่จะได้ประโยชน์จากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด แสวงหาสิ่งที่เป็นสาระให้กับชีวิตให้มากที่สุด ประโยชน์หรือสาระที่ว่านั้น ได้แก่ ความเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง อันเกิดจากการฟัง การศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวันซึ่งจะต้องสะสมเป็นที่พึ่งต่อไป พร้อมกับน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม (เป็นคนดีควบคู่ไปกับการฟังพระธรรม) จนกว่าจะถึงการดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดในที่สุด ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ย่อมมีการเกิดการตายอยู่ร่ำไป ตายแล้วก็ต้องเกิด และเกิดทันทีด้วย (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่) การเกิดอีกนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้น เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ก็ได้ เกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมโลกก็ได้ หรือ เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิก็ได้ ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องเกิดอีกในภพภูมิต่างๆ อย่างแน่นอน ยังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ไปได้ แม้บุคคลที่ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว ท่านก็ยังต้องเกิดอีก แต่เกิดไม่เกิน ๗ ชาติและเกิดเฉพาะในสุคติภูมิเท่านั้น เพราะเหตุว่าพระอริยบุคคลจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ แต่ปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น กิเลสเหล่านี้ยังดับไม่ได้และยังไม่ได้เบาบางลงไปเลย ถึงอย่างไรก็ต้องได้เกิดอีก ยังต้องเดินทางต่อไปในสังสารวัฏฏ์ทั้งในสุคติภูมิและอบายภูมิอีกอย่างนับชาติไม่ถ้วน เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ กับการที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกประการ ชาติหน้าอาจจะไปเกิดในอบายภูมิก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งจะประมาทในชีวิตไม่ได้เลย เพราะถ้าหากอาศัยความประมาทเพียงนิดเดียว อาจจะนำพาเราไปสู่อบายภูมิซึ่งเป็นภูมิที่ปราศจากความเจริญในกุศลธรรม หมดโอกาสที่จะได้เจริญกุศลยิ่งขึ้น ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาเท่าที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ จึงควรเป็นไปเพื่อการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ และเป็นผู้ไม่ละประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ต่อไป เพราะสิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ สำหรับทุกชีวิต ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง วัตถุ หรือ บุคคลรอบข้าง แต่ เป็นกุศลธรรม เท่านั้น ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 5 ก.พ. 2557

คนเราเกิดมาเพราะกรรม จะไม่เกิด จะต้องอบรมปัญญา ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ