อำนาจบาตรใหญ่

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  6 ธ.ค. 2556
หมายเลข  24138
อ่าน  2,672

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

ขอเรียนถามค่ะ เกี่ยวกับ คำว่า “อำนาจบาตรใหญ่” บาตร ในที่นี้หมายถึงอะไร มีใหญ่ มีเล็ก อย่างไร เกี่ยวกับธัมมะประการใดหรือไม่

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับคำอธิบายและกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ด้วยความเคารพ จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 6 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาต เรียบเรียงข้อความธรรมที่ได้มีการสนทนาพระสูตร ที่มีชื่อว่า อิสสรสูตร (ว่าด้วยอำนาจเป็นใหญ่ในโลก) ซึ่งท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงความเป็นจริงของธรรม เกี่ยวกับ "อำนาจ" ไว้ ควรค่าแก่การศึกษา เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาร่วมกัน ดังต่อไปนี้

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๐

เทวดาทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อะไรเป็นใหญ่ในโลก

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า อำนาจ เป็นใหญ่ในโลก

(จาก....พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อิสสรสูตร)

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดและลึกซึ้ง แม้แต่ข้อความที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็ไม่พอ เวลาที่ได้ยินได้ฟัง จะกี่ครั้งก็ตาม ต้องไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจถูกจริงๆ เพราะฉะนั้นแม้แต่พระธรรมที่ทรงแสดงไว้สั้น แต่ว่าคนฟัง ก็ต้องฟังแล้วก็ฟังอีก นี่ก็แสดงให้เห็นว่าแต่ละคำเป็นสิ่งที่ควรที่จะไตร่ตรองพิจารณา

โดยความหมาย อำนาจ คือ สิ่งที่ทำให้เป็นไปได้ ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ จะมีอำนาจอะไร เพราะฉะนั้น ธรรมดาอำนาจก็จะหมายความถึงสิ่งหรือธรรมที่ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ กล่าวโดยปรมัตถธรรมก็คือ ธรรมนั่นเอง เป็นอำนาจที่จะทำให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นตามกำลังของธรรมนั้นๆ

การฟังธรรม แม้แต่คำเดียว ก็ไม่เผิน ที่จะทำให้เข้าใจจริงๆ ว่า อำนาจไม่ใช่คน ไม่ใช่ใคร แต่ว่าเป็นสิ่งที่สามารถจะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไปได้

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นฝ่ายธรรมที่ไม่ดี ก็ทำให้สิ่งที่ไม่ดี ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เป็นไปในทางที่ไม่ดี นี้คือ กำลังของธรรมที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นธรรมที่ดี ตรงกันข้ามเลย ไม่สามารถที่จะไปทำให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น กำลังของทั้งสองอย่าง จึงต่างกัน กำลังของธรรมฝ่ายดีก็ต้องทำให้สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์เท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป ด้วยเหตุนี้ถ้าเข้าใจก่อนโดยความเป็นปรมัตถธรรม เป็นธรรมที่มีจริง เราก็จะไม่สับสนว่าใครมีอำนาจ ขณะนั้นเข้าใจว่าคนนั้นมีอำนาจ แต่อกุศลของคนนั้นทำให้อกุศลธรรมเป็นไป ตามกำลังของอกุศลธรรมนั้นๆ ไม่ใช่เขาสามารถที่จะมีอำนาจทำให้อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป นี้คือ ทางฝ่ายอกุศล ทางฝ่ายกุศลก็เช่นเดียวกัน ใครมีอำนาจ ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดเลย แต่ว่าขณะนั้น เพราะกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป เพราะฉะนั้น อำนาจจริงๆ ที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไป ก็คือ ธรรม ทั้งหมด

ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล ไม่ดีงาม จะหมดไปได้อย่างไร ดูเหมือนมีอำนาจ ทำให้อกุศลทั้งหลายเกิดได้ในวันหนึ่งๆ มีสิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการเห็น การตรึก การสร้างการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้น ด้วยความยินดี ด้วยความต้องการด้วยความพอใจ แต่ว่าสิ่งที่ไม่ดีงามเหล่านั้นหมดได้ไหม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลทั้งหลาย แม้จะดูว่ามีกำลังมีอำนาจที่จะทำให้โลกพัฒนาเจริญไปในทางต่างๆ ก็จริง แต่อกุศลก็ยังคงเป็นอกุศล อกุศล จะเป็นกุศลไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีปัญญาที่เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงสามารถที่จะเข้าใจถึงสภาพของธรรมจริงๆ ว่า ธรรมแต่ละอย่าง ไม่ปะปนกัน ไม่มีใครสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้ แม้ว่าอกุศลมีจริง แต่ก็ยังสามารถที่จะดับหมดสิ้นไปได้ ด้วยกำลังของสภาพธรรมที่เป็นกุศล ซึ่งสามารถที่จะทำให้เป็นไป คือ ทำให้หมดกิเลสได้

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 6 ธ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อำนาจบาตรใหญ่ คำว่า บาตร คงเป็นคำคล้องจอง ไม่ได้เกี่ยวกับอำนาจอะไร หากแต่ว่า อำนาจตามที่เข้าใจกัน ในคำว่า อำนาจบาตรใหญ่ คือ ใช้อำนาจกดขี่ ข่มเหง ซึ่งในความเป็นจริง ก็คือ อำนาจ ที่ทำด้วยอกุศลธรรม ที่เป็นอกุศลจิตที่เกิดขึ้นทางกาย วาจา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย แท้ที่จริง ไม่มีใคร มีอำนาจที่แท้จริงเลย เพราะ สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครมีอำนาจให้บังคับให้สภาพธรรมใดเกิด หรือ ไม่เกิด เพราะ เป็นไปตามสภาพธรรม เพราะฉะนั้น การจะมีอำนาจกับผู้อื่น ก็ไม่ใช่ฐานะจะมีได้ เพราะ คนอื่นก็เป็นไปตามสภาพธรรมของตน และ แม้ตนเองก็ไม่มีอำนาจ ที่จะบังคับตนเองได้ เพราะ ไม่มีเรา มีแต่ธรรม ที่เป็นไตปามเหตุปัจจัย สมดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมไม่อิสระ คือ ไม่เป็นไปในอำนาจ เพราะ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ครับ

อำนาจ ที่ทางโลกเข้าใจ ไม่ได้ช่วยขัเกลากิเลส ละกิเลสได้เลย แต่ ธรรมฝ่ายดี คือ กุศล ปัญญา ย่อมสามารถที่จะทำให้ละกิเลส รู้ความจริงของสภาพธรรม ควรที่จะฟัง ศึกษาพระธรรม ตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
peem
วันที่ 6 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 8 ธ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 9 ธ.ค. 2556

อำนาจเป็นใหญ่ในโลก ถ้าใช้ผิดมีโทษมาก ทำให้คนอื่นเดือดร้อน และตนเองก็เดือดร้อน เป็นเหตุให้ไปสู่อบายภูมิข้างหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jaturong
วันที่ 11 ธ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ