ความเห็นผิดเป็นไปตามแรงของโลภะ

 
papon
วันที่  24 พ.ย. 2556
หมายเลข  24066
อ่าน  802

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

ความเห็นผิดเป็นไปตามแรงของโลภะ มีความละเอียดอย่างไรบ้างครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็นผิด คือ ทิฏฐิเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นสุข มีเรา เห็นผิดว่า ไม่มีกรรม ไม่มีผลของกรรม เป็นต้น ซึ่ง ความเห็นผิด เป็นทิฏฐิเจตสิก จะต้องเกิดร่วมกับ จิตที่เป็นโลภมูลจิตเสมอ เพราะฉะนั้น ความแรงของความเห็นผิด ก็เป็นไปตามแรงของโลภะ คือ โลภะ ความติดข้อง เป็นสภาพธรรมที่ติดข้อง พอใจ ยินดี เมื่อยินดีพอใจ ในความเห็นผิดมาก ความเห็นผิดก็มีกำลังมาก เช่น พอใจ ในความเห็นผิดว่าเที่ยง เห็นผิดว่าขาดสูญ ยิ่งติดข้องพอใจในความเห็นนั้นมากเท่าไหร่ ก็แสดงถึงกำลังของความเห็นผิดมากขึ้นเท่านั้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่มิจฉาทิฏฐิเกิด ก็ต้องเกิดร่วมกับโลภะ แต่ในบางขณะที่โลภะเกิด ไม่ได้มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วยเสมอไป เช่น ขณะที่ติดข้องยินดีพอใจที่เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ติดข้องในอาหาร เสื้อผ้า วัตถุสิ่งของ เป็นต้น

เป็นความจริงที่ว่า บุคคลผู้ที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน โอกาสที่จะมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ก็ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วแต่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเห็นผิด ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคล

ความเห็นผิด เป็นเหตุนำมาซึ่งอกุศลธรรมอย่างมากมาย เพราะเหตุว่าเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว อะไรๆ ก็ผิดตามไปด้วย กล่าวคือ ความประพฤติทั้งทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ ก็ผิดไปด้วยตามความเห็นที่ผิด นั่นเอง ผลที่ตามมาคือ เป็นผู้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัว และจะประมาทไม่ได้เลยจริงๆ ขณะที่ฟังพระธรรม เป็นการสะสมความเข้าใจถูก เริ่มที่จะมีความเห็นถูก จนกว่าจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ โดยที่ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาอย่างแท้จริง การที่ค่อยๆ เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นๆ นั้น ดีกว่าที่จะไม่มีหนทางเลย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขณะที่เรายังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ นั้น การที่เราไม่มีหนทาง ก็เหมือนกับการที่เราตกไปในเหวลึก ที่ไม่มีทางขึ้นและมืดสนิท เมื่อเราตกไปในเหวลึกแล้ว เราไม่ควรที่จะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แต่ควรอย่างยิ่งที่เราจะค่อยๆ ไต่ขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย ซึ่งก็เหมือนกับการที่เราเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย จากการฟัง การศึกษาในชีวิตประจำวัน นั่นเอง จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างยิ่ง, ประการที่สำคัญ เราไม่สามารถที่จะทราบได้เลยว่า โอกาสที่เราจะเข้าใจธรรมในภพนี้ชาตินี้ จะเหลืออีกเท่าใด เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่สุดในการที่จะให้ตนเอง มีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเป็นไปเพื่อการดับกิเลส มีความเห็นผิด เป็นต้น ได้ในที่สุด เพราะ ขณะที่เข้าใจปัญญาเกิด ก็คุ้มครองไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด แล้ว และในขณะนั้นอกุศลก็เกิดไม่ได้ด้วย ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 24 พ.ย. 2556

โลภะมีทั้งที่มีกำลัง และ ไม่มีกำลัง ถ้ามีความเห็นผิดแน่วแน่ ไม่เชื่อเรื่องบุญ บาป

ก็เป็นโลภะที่มีความเห็นผิดที่มีกำลัง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 24 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ปวีร์
วันที่ 26 พ.ย. 2556

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
mon-pat
วันที่ 27 พ.ย. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ