ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริง

 
papon
วันที่  8 ต.ค. 2556
หมายเลข  23805
อ่าน  1,378

กระผมฟังเทปและmp3ของท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านอาจารย์บรรยายบ่อยครั้งเกี่ยวกับ "ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริง" กระผมไม่เข้าใจในประโยคนี้เท่าไรนักเพียงแต่คิดว่า น่าจะเป็นประโยคที่สำคัญ ขอความอนุเคราะห์อาจารย์ทั้งสองท่านช่วยกรุณาให้ความเข้าใจด้วยครับ

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 8 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ระลึกรู้ ไม่ใช่เรารู้ แต่ เป็นสติ ที่ทำหน้าที่ ระลึก และ ปัญญาทำหน้าที่รู้ รู้ตามความเป็นจริง

สิ่งที่ปรากฏ คือ สิ่งที่มีจริง ที่เป็น สภาพธรรม ที่มีลักษณะให้รู้ได้ คือ จิต เจตสิก รูป ที่เป็น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้กระทบสัมผัส สี เสียง กลิ่น รส คิดนึก กุศล อกุศล เมตตา โกรธ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ปรากฏ คือ เกิดขึ้นแล้ว ในชีวิตประจำวัน

ตามความเป็นจริง คือ สติและปัญญาเกิดรู้ ลักษณะของสภาพธรรม ที่ ตามความเป็นจริง คือ ตามลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ คือ สติระลึกรู้ตรงลักษณะ และ ปัญญาก็รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมนั้น เช่น ธาตุไฟ ก็มีลักษณะ เย็น ร้อน สติก็เกิดระลึกรู้ตรงลักษณะของ สภาพธรรมที่เย็น หรือ ร้อนในขณะนั้น ที่กำลังปรากฏ ขณะที่รู้ลักษณะของ เย็น หรือ ร้อน ในขณะนั้น ก็เป็นการรู้ลักษณะที่ตรงตามความเป็นจริง เพราะ รู้ตรงลักษณะของความเย็น ความร้อน ซึ่ง ขณะที่รู้ด้วยปัญญา ขณะนั้นก็จะไม่มีเรา ไม่มีใคร มาแทรกอยู่เลย เพราะมีแต่ธรรม ในขณะนั้นเท่านั้นที่ปรากฏ ก็เป็นการรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรม อีกเช่นกัน เพราะรู้ตรงตามความเป็นจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ครับ นี่คือ คำว่า ระลึกรู้สิ่งที่ปรากฏตามความเป็นจริง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 9 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่ว่าพ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ นั้น เป็นที่ตั้งให้สติปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ได้ ซึ่งจะต้องอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ จนมั่นคงจริงๆ เพราะระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง นั้น ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นการที่ไม่ว่าจะสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ ก็สามารถรู้ตามความเป็นจริง ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะฉะนั้น เพราะสะสมความไม่รู้มานานแสนนาน จึงต้องไม่ขาดการฟังพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 9 ต.ค. 2556

เดี๋ยวนี้อะไรของจริง ก็ระลึกตรงลักษณะนั้นเช่น เห็นมีจริง ได้ยินมีจริง เป็นต้น ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 9 ต.ค. 2556

ขอขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านครับและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Guest
วันที่ 5 พ.ย. 2558

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nvrath
วันที่ 15 พ.ย. 2558

เข้าใจแล้วค่ะ ว่าต้องระลึกตามความเป็นจริง ตามสภาพธรรม ซึ่งต้องอาศัยการสะสม ความเข้าใจถูกเห็นถูกทีละเล็กทีละน้อย โดยการฟังก่อน เมื่อมั่นคงก็จะเห็นว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นสภาพธรรม

สาธุ ขอบพระคุณนะคะ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 23 ม.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 8 มิ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 30 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ