ปวดท้อง

 
siriya
วันที่  7 ต.ค. 2556
หมายเลข  23798
อ่าน  924

อาจารย์คะเราจะตั้งสติตอนเราปวดท้องมากๆ อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่ปวดท้อง ก็เป้นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นทุกขเวทนาทางกาย ที่เกิดจาก

อกุศลกรรมในอดีตเป็นปัจจัย เพราะฉะนั้น ก็ตองเข้าใจความจริงว่าเป็นผลของ

กรรมที่เกิดขึ้น ที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ การเข้าใจเช่นนี้ ที่เป็นความคิดถูก

ขณะนั้น ก็ มี สติ ที่เกิดแล้ว เพราะ เปHนกุศลจิตที่เกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นการระลึก

ถูกต้องในชั้นคิดพิจารณา ขณะนั้น จึงไม่ใช่การจะตั้งสติ เพราะ สติ ไม่ใช่ สิ่งที่

เป็น รูปทรงสีเหลี่ยม ที่จะเอามาตั้งที่ โต๊ะ สติ ไม่ใช่รูปธรรม และ สติ ก็เป็นนาม

ธรรม ดังนั้น ไม่มีการตั้งสติ แต่ สติเกิดขึ้นเมื่อใด ทำหน้าที่ กั้นกระแสกิเลส และ

เกิดระลึกถูกตามความเป็นจริง เป็นกุศลจิตในขณะนั้น ดังนั้น ขณะที่ปวดท้อง

แล้ว จะเกิดสติหรือไม่ ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย เพราะ สภพาธรรมเป็นอนัตตา แม้แต่

สติ ก็เป็นธรรม จึงเป็นอนัตตาด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม ก็ระลึกถูก

ที่จะเกิด กุศลจิตเข้าใจความจริงว่า ปวด เป็นธรรมดา เป็นธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้น

แล้ว ไม่ใชเราปวด แต่ เป็น อกุศลวิบากทางกายที่เกิดขึ้น ไม่มีใครทำให้ แต่ กรรม

ในอดีตนั้นเองที่ทำ ให้ผลอยู่ จึงมีการปวดท้องเกิดขึ้น

อย่างไรก็ดี การจะคิดถูก จะเกิด สติ เกิดปัญญา ในขระใด ก็ตาม ก็ต้องอาศัยเหตุ

ปัจจัย คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ไม่ใช่การบอกให้ทำ แต่ ไม่มี

เหตุให้เกิด สติ สติก็เกิดไม่ได้ อย่างเช่น บอกให้คนที่ไม่มีเงิน บอกไปซื้อของชิ้นนี้

มานะ และ จ่ายเงิน แต่ก็ทำไมได้ แม้จะรู้ว่า จะซื้อของต้องทำอย่างนี้ แต่ไม่มีเงินจะ

ซื้อ จะได้ของนั้นได้อย่างไร เช่นเดียวกัน ผู้ทีไม่ได้สะสมปัญญา ความเข้าใจ พอ

เกิดเหตุการณ์ไมดี่ ก็บอกว่า ให้มีสตินะ หรือ ว่า อย่าโกรธนะ โกรธไม่ดี ก็ในเมือ่ไม่มี

ปัญญา ไม่มีการสะสมปัญญาในการฟังพระธรรมเพียงพอ และ มีกิเลสมาก แม้จะบอก

เท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เพราะ ไม่มีเหตุ ให้เกิด สติ และ ปัญญา ดังนั้น สำคัญที่จะต้อง

อบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมเป็นสำคัญ ปัญญาที่เจริญขึ้น ย่อม

จะเกิดความคิดถูก และ เป็นเครื่องดำเนินทาง และ เข้าใจความจริงในสิ่งทีเกิดขึ้น

แม้ ขณะที่ปวดท้องว่า เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใชเรา ขณะนั้น สติเกิดแล้ว พร้อม

ปัญญา โดยไม่มีใครจะไปตั้งสติ หรือ สติไปตั้งแต่ ขณะนั้น สติเกิด ก็ชือ่ สติทำ

หน้าที่ระลึกถูก กั้นกระแสกิเลสในขณะนั้น อันเกิดจกาเหตุ คือ การฟัง ศึกษา

พระธรรม ดังนั้น แทนที่จะทำ พยายามให้สติเกิด ก็อบรมเหตุ ที่ถูกต้องคือ การฟัง

ศึกษาพระธรรม คัรบ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 7 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ที่สำคัญต้องไม่ลืมความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ว่าเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย

ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เราไม่สามารถจะรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดแม้ใน

ขณะต่อไป ความเจ็บปวดทางด้านร่างกายก็เช่นเดียวกัน เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย

บังคับไม่ให้เจ็บปวดก็ไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีกาย ก็ยังไม่พ้นจากทุกข์ทางกาย

และเพราะยังมีกิเลสอยู่ ทุกข์ใจ ความไม่สบายใจเดือดร้อนใจ ก็เกิดขึ้นต่อไปอีก

ันี้คือความเป็นจริงของธรรม ทุกขณะของชีวิตไม่พ้นไปจากธรรมเลย ธรรม ไม่ได้-

มีเฉพาะตอนปวดท้อง ถ้ามีความจดจ้องต้องการที่จะรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยความอยาก

ด้วยความเป็นตัวตน นั่นผิดทางแล้ว และไม่มีใครที่จะไปตั้งสติได้ บังคับให้สติเกิด

ขึ้นไม่ได้ จึงต้องกลับมาที่ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ฟังบ่อยๆ ฟังเรื่อยๆ ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้น

และเมื่อสะสมความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมมั่นคงขึ้น เหตุปัจจัยพร้อมก็จะทำ

ให้มีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังกำลังปรากฏในขณะนั้นได้ ซึ่งจะขาด

การฟังพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวันไม่ได้เลยทีเดียว ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 8 ต.ค. 2556

ปวดท้องก็ให้ระลึกว่าเป็นเวทนาทางกาย เดี๋ยวมันก็หายเอง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 9 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 24 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ