การลดยาของผู้ป่วย

 
nat_dek_d
วันที่  9 ก.ย. 2556
หมายเลข  23554
อ่าน  947

การลดอุปกรณ์ ลดยาบางส่วน (อย่างเช่นยาบางตัว หรือ ยาทางสาย) ของผู้ป่วยที่โคม่า

ที่ไม่มีโอกาสตื่น เพื่อให้ผู้ป่วยได้ไปเอง ถ้าร่างกายเขาไม่ไหว ถือว่าเป็นการสร้าง

บาปไหมคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ครับ

ควรทราบว่า บาป คือ อกุศลธรรม ถ้าหากกระทำไปด้วยจิตไม่แยบคาย มีเจตนาให้คนไข้ตาย ด้วยการลดอุปกรณ์ ลดยา แล้วคนไข้ตาย ลักษณะอย่างนี้

เข้าข่ายปาณาติบาต เป็นบาป เป็นอกุศลกรรม แต่ถ้าไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็น

เจตนาอย่างอื่น ไม่เป็นปาณาติบาต

ที่สำคัญอยู่ที่เจตนา แต่สภาพจิตสลับกันอย่างรวดเร็ว ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว คือ

รักษาให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ ควรละเว้นการกระทำที่ใกล้ต่อปาณาติบาต

เพราะถ้าคนไข้เป็นผู้มีอุปการะคุณ ย่อมมีโทษมากจะทำให้ผู้ที่เป็นบุตรเดือดร้อน

ใจในภายหลังได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 9 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง เพราะ ลึกซึ้งโดยสภาวะธรรมอย่างไร คือ ลึกซึ้ง

โดยสภาวะที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า หรือ กิริยาอาการภายนอก เพราะเป็น

เรื่องของจิตใจ ที่เป็นนามธรรมที่เห็นได้ด้วยปัญญาเท่านั้น เพราะฉะนั้นในการกระทำ

อย่างเดียวกัน แต่จิตใจ แตกต่างกันไปก็ได้ เพราะสะสมาไม่เหมือนกันครับ แม้แต่

การให้ยารักษาโรค หรือ ไม่ให้ยาก็สำคัญที่จิตในขณะนั้นว่าเป็นอย่างไร

ซึ่งก็ขอกล่าวถึงในเรื่องของบาป ก่อนว่า คือ อะไร บาป คือ สภาพธรรมที่ไม่ดีงาม

ที่เป็นอกุศลธรรม ขณะใดที่มีโลภะ โทสะ โมหะเกิดขึ้นในจิตใจ ขณะนั้นก็เป็นบาป

แล้ว แม้ไม่มีกิริยาอาการเคลื่อนไหวไปทางกาย หรือ ทางวาจาเลย แต่บาปเหล่านั้น

ไม่ได้มีกำลังที่จะล่วงศีล และ ไม่มีกำลังที่จะให้ผลเกิด วิบากที่จะทำให้ได้รับ สิ่งที่

ไม่ดี มีการเกิดในทุคติภูมิ หรือ มีการเห็น ไม่ดี ได้ยินไม่ดี เป็นต้น เพราะเป็นเพียง

อกุศลจิตที่เกิดขึ้นในจิตใจเท่านั้น ครับ เพราะฉะนั้น บาป อกุศลจึงมีหลายระดับ

ตามระดับของกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่บาปที่มีกำลังทีเกิดจากกำลังของกิเลสที่มี

กำลังก็เกิดขึ้นได้ อันแสดงออกมาทางกาย วาจา เช่น การล่วงศีล 5 ที่มีการฆ่าสัตว์

ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ และ ดื่มสุราเมรัย เป็นต้น การกระทำเหล่านี้

ที่ออกมาทางกาย และวาจา ย่อมเป็นปัจจัยให้เกิดวิบาก เป็นบาปที่มีกำลังทำให้เกิด

ในอบายภูมิ เป็นต้น ได้ และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้ว ก็ทำให้ได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี

ทำให้อายุสั้น เสียทรัพย์ มีศัตรู และ คนไม่เชื่อถือ และเกิดเป็นบ้า เพราะการล่วงศีล

5 ข้อใดข้อหนึ่ง ครับ เพราะฉะนั้น จึงกลับมาที่ประเด็นคำถามที่ว่า

การลดอุปกรณ์ ลดยาบางส่วน (อย่างเช่นยาบางตัว หรือ ยาทางสาย) ของผู้ป่วย

ที่โคม่าที่ไม่มีโอกาสตื่น เพื่อให้ผู้ป่วยได้ไปเอง ถ้าร่างกายเขาไม่ไหว ถือว่าเป็น

การสร้างบาปไหมคะ

ซึ่ง ประเด็นนี้ ก็จะโยงในบาปที่เป็นการฆ่าสัตว์ ข้อปาณาติบาต ว่า เป็นการฆ่าผู้อื่น

หรือไม่ ซึ่งตามที่กล่าวแล้วว่า สภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง

เพราะ ต้องเห็นได้ด้วยปัญญา ไม่ใช่กิริยาอาการภายนอก ครับ ซึ่งการลดยาของ

ผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ที่ป่วยไปดี คือ จากไป หากมีเจตนาให้ผู้ป่วยจากไป หรือ พูดง่ายๆ

คือ ให้ตายนั่นเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า ผู้ป่วยจะได้ไม่ทุกข์ทรมาน การลดยา ซึ่งยานั้น

จะทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตอยู่ได้ ผู้รักษาก็รู้อยู่ว่า ถ้าลดยา ผู้ป่วยจะต้องตายและผู้ตายก็

ตายลง และ เป็นการตายเพราะ ยานั้น ก็เป็นปาณาติบาต แต่ละเอียดลงไปอีกครับ

หากมีเจตนาที่จะทำให้ผู้ป่วยตายโดยลดยา แม้ด้วยเจตนาดี แต่การลดยานั้นไม่ได้

เป็นเหตุให้ผู้ป่วยตาย แม้จะมีเจตาให้ผู้ป่วยตายด้วยการลดยาก็ตาม แต่ผู้ป่วยตายด้วย

เหตุอื่น เช่น โรคแทรกซ้อน ที่ไม่ใช่เหตุมาจาการลดยา การตายนั้นก็ไม่สำเร็จเป็น

ปาณาติบาตของผู้ที่ลดยา เพราะเหตุใด เพราะผู้ป่วยตายเพราะเหตุอื่น ไม่ใช่เหตุ

เพราะการลดยา ครับ ดังเช่น อดีตชาติของดาบสท่านหนึ่ง เคยเอาไม้เสี้ยนไปเสียบ

ก้นของแมลงวัน แน่นอนครับว่า แมลงวันย่อมเจ็บปวด และหากแมลงวันตายลง ย่อม

เป็นปาณาติบาต ให้ผลเกิดในอบายได้ แต่เพราะแมลงวันนั้นไม่ตาย เสี้ยนก็เสียบอยู่

ที่ก้นนั่นเอง แต่ แมลงวันตายเพราะเหตุอื่น ก็ทำให้ กรรมนั้นที่อดีตชาติของดาบส

ทำ ไม่สำเร็จเป็นปาณาติบาต ครับ ทำให้ชาติปัจจุบันของดาบสท่านนี้ ถูกเสียบด้วย

หลาว แต่ กรรมเมื่อไม่สำเร็จ ครบองค์ที่ แมลงวันไม่ตายเพราะการเสียบเสี้ยน ก็ทำ

ให้ ดาบสนั้น มีชีวิตอยู่ได้ ไม่เป็นอะไร ก็ตัดหลาวไม้ให้พอดีกับก้น ครับ

ตัวอย่างนี้ก็เช่นกัน หากมีเจตนาดี ไม่ให้เขาทรมาน จะให้เขาสบาย แต่ เจตนาที่

ลดยา เพื่อให้เขาสบาย เป็นเจตนาฆ่า หากตายด้วยการลดยา เป็นปาณาติบาต แต่

ถ้าลดยาแล้ว ไม่ตายเพราะลดยา แต่ก็ตายเช่นกัน แต่ตายเพราะอย่างอื่น อย่างนี้

ไม่ใช่บาปที่เป็น ปาณาติบาต ครับ แต่ ขณะนั้น ก็มีอกุศลจิตเกิดแล้ว ที่เจตนาให้เขา

ตาย แม้จะไม่เป็นปาณาติบาต แต่ มีกายทุจริต สะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดี ในการ

มีจตนาที่จะฆ่าเขา ครับ ดังนั้น ก็ควรพิจารณา แยกระหว่าง เจตนาที่ดี ที่อยากให้

เขาไม่ทนทุกข์ทรมาน เป็นความหวังดี แต่ ขณะที่จะให้เขาไปสบาย คือ ให้ตาย

จะด้วยเหตุผลอย่างไรก็ตาม เป็นเจตนาที่ไม่ดี ครับ ซึ่ง จากตัวอย่างที่ผู้ถาม ถาม

มานั้น แสดงถึงเจตนาที่ชัดเจน คือ ต้องการให้เขาไปสบาย ก็คือ ตายนั่นเอง ก็

เป็นเจตนาฆ่าแน่นอน แต่จะสำเร็จ เป็นบาปที่ครบองค์ที่ทำให้เกิดผลวิบากหรือไม่

นั้น ก็ต้องพิจารณาอีกว่า เขาตายเพราะการลดยา หรือ ตายเพราะเหตุอื่น แม้

ลดยาแล้วก็ตาม ครับ ซึ่ง ความตายของแต่ละบุคคลก็ละเอียดมาก เพราะ เพียง

จุติจิตเกิดขึ้นและดับไป นี่คือ ความละเอียดของพระธรรม ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nat_dek_d
วันที่ 10 ก.ย. 2556

คุณหมอลงความเห็นว่าอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจคะ เพราะว่าสมองนั้นตาย และได้

พยายามรักษาอย่างเต็มที่แล้ว (คืออยู่ในช่วงยื้อ หรือ ไม่ยื้อนะคะ) ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าควร

ทำอย่างไรดีคะ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 10 ก.ย. 2556

เรียนความเห็นที่ 3 ครับ

หากอยู่ได้ด้วยเครื่องหายใจ ผู้ที่เป็นญาติ ไม่ควรที่จะไปตัดสินใจว่า จะให้ถอด

เพราะเท่ากับว่า เป็นการออกคำสั่งด้วยวาจาให้ผู้นั้นตายได้ ก็เป็นปาณาติบาต ดังนั้น

ควรจะรักษาเท่าที่ทำได้ และ ควรให้อำนาจตัดสินใจของคุณหมอเป็นสำคัญ โดย

กล่าวกับคุณหมอว่า ให้อำนาจการตัดสินใจ เห็นสมควรกับคุณหมอ ไม่ควรไปออก

คำสั่งเอง ครับ อย่างไรก็ดี ก็พยายามรักษาเต็มที่ให้ดีที่สุด ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 30 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
papon
วันที่ 3 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ