คำว่า พุทธะ มาจากไหน มาอย่างไร มาโดยใคร

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พุทธะ คือ ผู้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งได้แก่ปัญญานั่นเอง ที่ทำให้เป็นพุทธะโดยไม่มีใครแต่งตั้งให้เลย พุทธะ มีหลายประเภท ได้แก่ สัพพัญญูพุทธะ คือ พระสัมมาสัม พุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยไม่มีใครเป็นผู้สอน แล้วทรงแสดงพระธรรม ให้สัตว์โลกได้รู้ตาม ปัจเจกพุทธะ คือ พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้ธรรมเฉพาะตน แต่สะสม บารมีไม่เพียงพอที่จะรู้ทุกสิ่งเหมือนพระสัพพัญญูพุทธเจ้า จึงไม่สามารถสั่งสอนสัตว์โลก ให้รู้ตามได้ และอนุพุทธะคือ ผู้ตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แก่พระอริยสาวกทั้งหลาย พุทธะที่เป็นสัพพัญญูพุทธะ หรือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้น แต่ละพระองค์ไม่ใช่จะอุบัติขึ้น ได้ง่ายๆ เป็นระยะเวลาที่นานมากกว่าจะได้อุบัติขึ้นทรงตรัสรู้สภาพธรรมโดยชอบด้วย พระองค์เอง และเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกแล้ว ทรงแสดงธรรมอุปการะเกื้อ กูลแก่สัตว์โลก มีพระอริยสงฆ์สาวกได้ตรัสรู้ตามพระองค์มากมายนับไม่ถ้วน เมื่อนั้นก็มี พุทธะที่เป็นอนุพุทธะ เกิดขึ้น สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ถ้ายังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ก็สะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า ถ้าหากเป็นช่วงเวลาที่ว่างจากพระพุทธศาสนา ก็เป็น โอกาสแห่งการเกิดขึ้นของพุทธะที่เป็นปัจเจกพุทธะ ครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องของปัญญา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรม และ แม้ศัพท์ทุกคำ พระองค์ก็ทรง บัญญัติแต่งตั้งให้เหมาะสมกับสภาพธรรมที่มีจริงได้อยางถกต้องและเหมาะสม ยก ตัวอย่างเช่น ความติดข้อง ซึ่งก็มีความติดข้องที่ละเอียด หยาบ หลากหลายมากมาย แต่พระองค์ก็ทรงบัญญัติศัทพ์ที่เป็นบัญญัติ ให้เข้าใจได้ตรงสภาพธรรมที่เรียกว่า โลภะ ว่าเป็นสภาพธรรมที่ติดข้อง และ บัญญัติไว้ว่า มี ๘ ประเภท ดุจผู้ที่ถือตราชั่ง ที่ เที่ยงตรง ฉันใด แม้แต่การตรัสรู้ความจริง พระองค์็ทรงบัญญัต แต่งตั้งคำนี้ ไว้ เพื่อให้ สัตว์โลกได้เข้าใจ

ดังนั้น คำว่า พุทธะ ไม่ได้ถูกบัญญัติแต่งตั้งจากใครเลย แต่ จะต้องมาจาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่แต่งตั้ง บัญญัติ คำนี้ขึ้นมาว่า พุทธะ ที่เป็น ผู้รู้ ผู้ตรัสรู้ความจริง ซึ่งคำว่า พุทธ ก็มีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล นานแสน นานมาแล้ว เพราะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง มีมาก่อนหน้านี้ คือ พระพุทธเจ้า พระองค์ก่อนๆ ที่นับประมาณไม่ได้ ทรงอุบัติขึ้น และ เมื่อทรงตรัสรู้ความจริง พระองค์ ก็ทรงเป็นพุทธะด้วย และ พระองค์ก็ทรงบัญญัติการตรัสรู้ความจริงว่าเป็นพุทธะด้วย และ เมื่อแสดงกับผู้อื่น ก็กล่าวว่าพระองค์ทรงเป็นพุทธเช่นัน ครับ ดังนั้น คำนี้ จึงมี มานานแล้ว จนไม่สามารถระบุได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะ นานแสนนานสมัยพระพุทธเจ้า ในอดีตที่นานนับประมาณไม่ได้ โดยบัญญัติแต่งตั้งโดยพระพุทธเจ้าเท่านั้น ครับ ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ตาม ที่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ และ สามารถดับกิเลส เกิดปัญญา ชื่อว่า เป็นพุทธะ

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่สภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิกที่ เกิดขึ้นเป็นไป ดังนั้น สภาพธรรมที่เป็นพุทธะ จึงหมายถึง จิตที่เกิดพร้อมกับปัญญา พร้อมเจตสิกฝ่ายดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นรู้ความจริงและถึงการดับกิเลส ชื่อว่า พุทธะ ครับ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ย่อมเป็นเหตุปัจจัย ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพิ่มากขึ้น ย่อมถึงการเข้าใจความจริงในขณะนี้ เพื่อให้ถึงความเป็นพุทธ ของ อนุพุทธะ คือ ผู้ที่ตรัสรู้ตามพระองค์ได้ในที่สุด ครับ

ขออนุโมทนา

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนากับ อจ.คำปั่น และ อจ.ผเดิม เป็นอย่างยิ่ง นะคะ

ขออนุโมทนาครับ