มานะ ทำไมจึงเกิดกับโลภะมูลจิต

 
ponchario
วันที่  29 มิ.ย. 2556
หมายเลข  23105
อ่าน  1,157

การสำคัญตนว่าดีกว่าเขา เสมอกับเขา ยังพอดูออกว่า เกิดกับโลภะได้ เพราะพอใจติดข้องในสิ่งที่ตนมี ตนเป็น แต่ความสำคัญว่าตนด้อยกว่าเขานี่ ไม่น่าเกิดกับโลภะได้เลย น่าจะเกิดกับโทสะ เพราะขณะนั้นจิตใจห่อเหี่ยว เศร้าหมอง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มานะ คือ ความสำคัญตน สำคัญกว่าดีกว่าเขา เสมอเขา ต่ำกว่าเขา ขณะที่ เปรียบเทียบมีการสำคัญตนเช่นนี้ ขณะนั้น มีมานะเจตสิกทีเกิดกับโลภมูลจิตครับ พระอรหันต์เท่านั้น ที่สามารถดับมานะได้จนหมดสิ้น เป็นสมุจเฉท. ซึ่งพระธรรมมีความละเอียดลึกซึ้ง และละเอียดมาก เพราะ ละเอียด เพราะเป็น การเกิดขึ้นของนามธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ที่ไม่สามารถเห้นได้ด้วตาธรรมดา แต่ ต้องเห็นด้วย ตา คือ ปัญญา และ เพราะความเกิดดับองจิตแต่ละขณะนั้น รวดเร็ว มากๆ ครับ จึงเป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้ง

แม้แต่ประเด็นในส่วนของมานะ ซึ่ง มานะ แบ่งเป็นดังนี้ คือ สำคัญตนว่า เลิศกว่าเขา วำคัญตนว่า เสมอเขา สำคัญตนว่า ด้อย กว่าเขา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มานะเจตสิก ความสำคัญตน ย่อมเกิดกับโลภมูลจิต เท่านั้น ไม่เกิดกับจิตประเภทอื่น แม้โทสะมูลจิตเลย ซึ่งเหตุผลก็น่าพิจารณาครับ ว่า หากมองที่ลัษณะของมานะแล้ว คือ ความสำคัญตน เปรียบเทียบ การที่สำคัญ ตน ขณะนั้น ก็ต้องมีความยินดีพอใจในตนเอง จึงมีการเปรียบเทียบ ขณะที่เปรียบ เทียบ ก็ยินดีพอใจในขณะที่เปรียบเทียบ ไม่ว่าจะเปรียบเทียบโดยนัยใด เช่น เปรียบ เทียบว่า ตนเหนือกว่า ก็ยินดีพอใจในการเปรียบเทียบในขณะนั้นที่ตนเหนือกว่า และ ขณะที่เปรียบเทียบว่า ตนเองเสมอกว่า ก็ยินดีพอใจ ติดข้องในการเปรียบเทียบ ว่าตนเสมอเขา และ แม้ขณะที่สำคัญตน เปรียบเทียบว่าตนด้อยกว่า ขณะที่เปรียบ เทียบ ยินดีพอใจในการเปรียบเทียบ ถ้าไม่ยินพอใจ ติดข้องในการเปรียบเทียบ ก็ จะไม่เปรียบเทียบเลย ยินดีพอใจในตนเองแม้จะด้อย แต่ก็ติดข้องในความด้อย ของตนเองนั่นแหละ เปรียบเทียบด้วยความติดข้องพอใจในตนเองที่ด้อย จึงเปรียบ เทียบ การเปรียบเทียบ สำคัญตนว่าด้อยกว่าจึงเกิดร่วมกับโลภะที่เป็นความติดข้อง ยินดีพอใจ ครับ

แต่เพราะความเกิดขึ้นของจิต เจตสิกทีเกิดดับอย่างรวดเร็ว เมื่อ เปรียบเทียบว่าตนเองด้อยกว่า จิตขณะต่อไป ก็หดหู่ใจ ที่รู้สึกน้อยใจในความต่ำ ของตนเองก็ได้ ขณะนั้น จิตเป็นโทสะ ซึ่งขณะที่น้อยใจ รู้สึกไม่พอใจ ต่ำต้อย ขณะนั้นไม่ได้เปรียบเทียบ จึงไม่ใช่ขณะที่มีมานะ แต่เพราการเกิดดับสืบต่อกัน อย่างรวดเร็ว จึงสำคัญผิดว่าเป็นมานะ ในขณะที่รู้สึกไม่พอใจ น้อยใจ ได้ ครับ นี่คือความละเอียดของพระธรรม

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 30 มิ.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูก ที่ค่อยๆ เจริญขึ้น จากที่เคยคิดเอาเองว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงของ สภาพธรรม ก็จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริงของธรรมตามที่พระสัมมาสัม พุทธเจ้าทรงแสดง ก็เพราะอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรมด้วยความละเอียดรอบ คอบ ไม่ประมาทในแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง ซึ่งมีความละเอียดลึกซึ้ง เป็นอย่างมาก เป็นไป เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด แม้แต่ในเรื่องของ มานะ ก็เช่นเดียวกัน มานะในทางธรรม เป็นอกุศลธรรม เป็นความสำคัญตน มีการเปรียบเทียบเกิดขึ้น เป็น ธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระ อรหันต์ ก็ยังมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้มานะเกิดขึ้นเป็นไปได้ ตามการสะสมของแต่ละบุคคล มานะ เมื่อเกิดขึ้น ก็เกิดร่วมกับจิตที่เป็นโลภมูลจิตประเภทที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย นี้คือ ความเป็นจริงของธรรม จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของธรรมที่ เป็นอกุศลธรรมว่า มากมายทีเดียว เมื่อได้เหตุปัจจัยก็เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ที่ตั้งแห่งความ สำคัญตนนั้น มีมากทีเดียว ทั้งชาติตระกูล ยศ วิชาความรู้ การได้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นต้น ล้วนเป็นที่ตั้งของมานะได้ทั้งนั้น มีความสำคัญว่า ได้ดีกว่าผู้อื่น ต่ำกว่า ผู้อื่น หรือเท่าเทียมกับผู้อื่น แต่ชีวิตประจำวัน ก็ไม่ได้มีเฉพาะขณะที่มีความสำคัญตน เกิดขึ้นเท่านั้น ยังมีขณะอื่นๆ อีก เป็นกุศลบ้าง เป็นอกุศลบ้าง เป็นวิบากซึ่งขณะที่ได้รับ ผลของกรรมกรรม และยังมีขณะที่เป็นกิริยา ด้วย (ถ้าได้ศึกษาในรายละเอียดต่อไป) ทั้งหมดที่ได้ฟังได้ศึกษาก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เห็นถึงความหลากหลายของอกุศลธรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะต้องขัดเกลาด้วย กุศลธรรมและความเข้าใจถูกเห็นถูก ต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 30 มิ.ย. 2556

โลภะเกิดมีมานะ ก็ได้ ไม่มีมานะก็ได้ ขณะที่มานะเกิด เกิดกับโลภะเสมอ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
bsomsuda
วันที่ 30 มิ.ย. 2556

"มานะ เมื่อเกิดขึ้น ก็เกิดร่วมกับจิตที่เป็นโลภมูลจิต ประเภทที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย... ...ที่ตั้งแห่งความสำคัญตนนั้น มีมากทีเดียว ทั้งชาติตระกูล ยศ วิชาความรู้ การได้รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นต้น"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.ผเดิม อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 1 ก.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 7 มี.ค. 2565

กราบขอบพระคุณครับ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มี.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ