อินทรีย์ทั้ง 5 ควรมีเสมอกันหรือไม่ครับ?

 
ผู้มีกิเลส
วันที่  28 พ.ค. 2556
หมายเลข  22964
อ่าน  3,257

อินทรีย์ทั้ง 5 ควรมีเสมอกันหรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 29 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อินทรีย์ โดยศัพท์ หมายถึง สภาพธรรมที่เป็นใหญ่ ซึ่งอินทรีย์มีหลายหลายนัย แต่ถ้าพูดถึง หนทางการเจริญอบรมปัญญา เพื่อดับกิเลส อันเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ คือ อินทรีย์ ๕ ที่เป็น ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา ซึ่งสภาพธรรมเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นโสภณธรรม และเป็นธรรมที่จะถึงการตรัสรู้ได้ แต่ในความละเอียดของธรรมแล้ว การจะถึงความเป็นอินทรีย์ ในอินทรีย์ ๕ แต่ละสภาพธรรม เช่น สัทธินทรีย์ ก็จะต้องมีปัญญาด้วย และเป็นศรัทธาที่เกิดพร้อมกับปัญญา ที่ไม่ใช่เพียงศรัทธา ขั้นนึกคิด เช่น ศรัทธาเชื่อพระรัตนตรัย ศรัทธาในพระธรรม เป็นต้น แต่ที่สำคัญศรัทธา จะต้องเป็นศรัทธา ที่เกิดพร้อมปัญญา ที่เกิดในขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้น รู้ความจริงของสภาพธรรม ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้นมีศรัทธา ที่ถึงพร้อมกับปัญญา จึงเป็นอินทรีย์ เป็นสัทธินทรีย์ในขณะนั้น ครับ

โดยนัยเดียวกัน วิริยะ ความเพียร ไม่ใช่เพียร เดิน เพียรนั่งสมาธิ แต่เป็นความเพียร วิริยเจตสิกที่เกิดพร้อมกับปัญญา ขณะที่สติปัฏฐานเกิด กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนั้น มีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วย เป็นอินทรีย์ ที่เป็น วิริยินทรีย์ ในขณะนั้นครับ สติ ที่เป็นสตินทรีย์ ก็คือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริง สติกำลังระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้น สติเป็นใหญ่เป็นอินทรีย์ เพราะ มีปัญญาระดับสูงเกิดร่วมด้วย ส่วนสมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก ที่มีลักษณะของความตั้งมั่นในอารมณ์ซึ่ง ความตั้งมั่น สมาธิ ไม่ได้หมายถึง การนั่งสมาธิ จะเป็นการอบรม สมาธินทรีย์ แต่เอกัคคตาเจตสิก ที่เกิดในขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้น มีความตั้งมั่นชั่วขณะแล้ว ที่เป็น ขณิกสมาธิ แต่ สมาธินี้ เป็นสมาธินทรีย์เพราะ มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ที่กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรม

ส่วนปัญญา ที่จะเป็นปัญญินทรีย์ ไม่ใช่เพียงปัญญาขั้นการฟัง ปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรม แต่จะต้องเป็นปัญญาที่กำลังรู้ความจริงของสภาพธรรม ที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา จึงจะเป็นใหญ่ ที่กำลังรู้ความจริง เพราะเป็นปัญญาที่เป็นหนทางการละกิเลสได้จริงๆ ครับ

ซึ่งในการปรับอินทรีย์ให้เสมอกัน ไม่มีตัวเราที่ปรับ เพราะทั้งหมดเป็นแต่เพียงธรรม ศรัทธาไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม วิริยะไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม สติไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม สมาธิไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรมและปัญญาไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม และ ต้องไม่ลืม คำว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา

ดังนั้น เมื่ออินทรีย์ ๕ ที่กล่าวมา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นธรรม เพราะฉะนั้น อินทรีย์จึงเป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาด้วยความเป็นเราได้ เพราะ ต้องไม่ลืมว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุ และ ปัจจัย เมื่อมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นอะไรที่จะปรับอินทรีย์ นั่นคือ สภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดจากการปรุงแต่ง โดยการฟังพระธรรมที่ถูกต้อง เมื่อปัญญาเจริญขึ้นจากขั้นการฟัง กุศลธรรมประการต่างๆ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ หิริ เป็นต้น ก็เจริญตามปัญญาด้วย ขณะที่สภาพธรรมฝ่ายดีเจริญตามปัญญา นั่นก็เป็นการแสดงแล้วว่ากำลังมีการปรับอินทรีย์ โดยตัวของสภาพธรรมเอง ที่กำลังปรับ โดยไม่มีเราที่จะไปพยายามปรับ และเมื่อไหร่ที่เกิดรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น แสดงแล้วว่า อินทรีย์มีการปรับให้เสมอกันแล้ว เพราะ มีการเกิดปัญญาที่รู้ความจริง ดังนั้นสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นฝ่ายดี จะปรับ คือ จะเกิดเจริญขึ้นเอง จากการอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้มีกิเลส
วันที่ 29 พ.ค. 2556

กราบขอบพระคุณ คุณPaderm อย่างสูงครับ ที่ให้ความสว่างกระจ่างธรรม แก่ข้าพเจ้าผู้มีปัญญาน้อย สาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Boonyavee
วันที่ 30 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mon-pat
วันที่ 30 พ.ค. 2556

กราบขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 30 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า อินทรีย์ ๕ คือ อะไร อินทรีย์ หมายถึงสภาพธรรมที่เป็นใหญ่ในกิจหน้าที่ของตน สำหรับอินทรีย์ ๕ เป็นธรรมที่เป็นไปในฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ จึงเป็นธรรมที่เป็นไปกับการรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เกิดขึ้นเป็นไปพร้อมกัน ได้แก่

@ สัทธินทรีย์ อินทรีย์ คือ ศรัทธา มีความเป็นใหญ่ ในสภาพธัมมะของตนคือ น้อมใจเชื่อ

@ วิริยินทรีย์ อินทรีย์ คือ ความเพียร มีความเป็นใหญ่ ในการประคองไว้

@ สตินทรีย์ อินทรีย์ คือ สติ มีความเป็นใหญ่ในการระลึก

@ สมาธินทรีย์ อินทรีย์ คือ สมาธิ มีความเป็นใหญ่ ในการไม่ฟุ้งซ่าน

@ ปัญญินทรีย์ อินทรีย์ คือ ปัญญา มีความเป็นใหญ่ในการเห็นตามความเป็นจริง

ถ้ายังไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ในสภาพธรรมที่เป็นอินทรีย์แต่ละอย่าง ก็ไม่สามารถที่มีอินทรีย์ ๕ ที่เสมอกันได้ ที่ได้ยินกันอยู่เสมอ คือ การปรับอินทรีย์ให้เสมอกัน ไม่ใช่เพียงคำลอยๆ แต่เป็นเรื่องของบุคคลผู้มีปัญญาที่รู้สภาพของอินทรีย์ ๕ แต่ละอย่างตามความเป็นจริง เป็นกิจหน้าที่ของสภาพธรรมนั้นๆ ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ถ้าผู้ไม่มีปัญญาไม่รู้ความจริงจะปรับอะไรไม่ได้ ธรรมเป็นธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัยจริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
papon
วันที่ 1 มิ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วิริยะ
วันที่ 25 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 30 มี.ค. 2562

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ