ขณะนี้กำลังสมหวังหรือเปล่า

 
kanchana.c
วันที่  2 เม.ย. 2556
หมายเลข  22719
อ่าน  1,035

ในการสนทนาธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. 56 ท่านอาจารย์ถามปัญหาให้พวกเราคิด ว่า “ขณะนี้กำลังสมหวังหรือเปล่า?” เราเองคิดในใจว่า ขณะนี้สมหวังว่าจะได้ฟังธรรมะ ก็ได้ฟังแล้ว ส่วนจะเข้าใจหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องค่อยๆ สะสม แล้วก็ไม่รู้ว่า ใน อดีตตัวเองเคยหวังว่าจะได้ฟังธรรมหรือไม่ หวังจะเกิดเป็นมนุษย์หรือไม่ หวังจะได้พบ สัตบุรุษหรือไม่ หวังจะได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็สมหวัง แล้วที่ได้ฟังพระธรรม (ฟังดูรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนดีจังเลยที่หวังในกุศล ไม่หวังในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะที่ดีๆ แต่ดูไม่จริงใจอย่างไรพิกล ตัวเองก็รู้ว่า ไม่จริงใจ แต่ ขณะนั้นคิดว่าที่เดินทางมามูลนิธิก็เพื่อฟังธรรม และเมื่อได้ฟังสมที่ตั้งใจไว้ ก็คิดว่าสม หวังแล้ว)

ท่านอาจารย์เฉลยว่า ขณะนี้สมหวังแล้ว เพราะหวังที่จะเห็น ก็ได้เห็นแล้ว หวังจะได้ ยินก็ได้ยินแล้ว ... ฟังดูรู้สึกผิดหวัง เพราะเรื่องเห็น เรื่องได้ยินนั้นแสนจะธรรมดา ไม่เคย หวังจะได้เห็นเลย ไม่เคยหวังจะได้ยินเลย คงเพราะยังฟังน้อยไป ยังไม่เข้าใจธรรมะพอ จึงไม่เข้าถึงคำตอบที่ลึกซึ้งของท่านอาจารย์ แต่เมื่อคิดทบทวนธรรมะที่ได้ยินได้ฟัง ก็ ทราบว่า ความเป็นไปของแต่ละชีวิตที่เกิดมานั้น มี ๒ อย่าง คือ เป็นไปตามจิตที่ไม่ใช่วิถี จิต คือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิตอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่ง คือ เป็นไปตามวิถี จิตที่เป็นไปของแต่ละคน ก็คือวิถีจิตที่เป็นไปในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และคิดนึก โดยอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งกระทบสัมผัสกาย และคิดนึก

มีคนตอบว่า หวังจะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ ๑ เพราะคิดว่า ถ้าถูกลอตเตอรี่แล้วเป็น เศรษฐี ก็จะมีชีวิตที่สุขสบายอย่างที่เศรษฐีทั้งหลายพึงได้ ก็ไม่พ้นจากเห็นรูปดีๆ ได้ยิน เสียงเพราะๆ ได้กลิ่นหอมๆ ลิ้มอาหารรสอร่อยๆ กระทบสัมผัสสิ่งที่น่ายินดี เพลิดเพลิน

สำหรับตัวเราเองเมื่อชีวิตผ่านพ้นวัยทำงานมาแล้ว เรื่องยศ ตำแหน่งก็เป็นอันหมด หวัง ได้แค่ไหนก็แค่นั้น จึงหวังเพียงให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยไข้ (ซึ่งความหวังนี้จะ สมหวังได้ เมื่อได้ทำกุศลไว้แล้ว ถ้าทำกุศลขณะนี้ ต้องรอขณะต่อไปซึ่งไม่ทราบว่าเมื่อ ไรจึงจะสมหวังได้ เพราะการไม่ป่วยไข้ สุขภาพแข็งแรงเป็นผลของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว)

นอกจากนั้นยังหวังจะได้เห็นโลกกว้างที่สวยงาม (ถ้าไม่สวยงาม ก็ไม่อยากเห็น) ขณะ นี้อากาศเมืองไทยร้อนมาก ก็อยากสมบูรณ์ด้วยโภคทรัพย์ที่ทำให้สามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ ในโลกที่สัปปายะ ซึ่งไม่ได้เพราะหวังอีกเหมือนกัน ต้องมีเหตุ คือ กุศลกรรมที่ทำไว้แล้ว ถ้าไม่เคยทำ ก็ได้แต่หวัง ซึ่งเป็นโลภะ เป็นอกุศล จะสะสมเพิ่มพูนในจิตมากขึ้นๆ จน ยากจะขัดเกลา

ทุกคนเกิดมาแล้วก็หวังที่จะเห็น เพราะคงไม่มีใครอยากตาบอด หวังจะได้ยิน ไม่มีใคร อยากหูหนวก หวังจะได้กลิ่น หวังจะลิ้มรส และหวังจะกระทบสัมผัสแต่สิ่งดีๆ ซึ่งสมหวัง แล้วที่ได้เห็น แต่จะเห็นรูปที่ดีหรือไม่นั้น เป็นผลของกุศลและอกุศลที่ทำไว้แล้ว เลือกไม่ ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ตัวเองได้ทำไว้แล้ว

เพราะความไม่เข้าใจธรรมะ ไม่เข้าใจปรมัตถธรรม จึงหวังเป็นเรื่องราวของธรรมะ ซึ่งที่ จริงแล้วเพราะมีปรมัตถธรรม คือ จิต เจตสิก รูป จึงมีเรื่องราวต่างๆ หวังอย่างโน้นอย่างนี้ ที่มาจากการคิดนึกเพราะมีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสนั่นเอง

ทุกคนเกิดมาแล้วก็หวังที่จะเห็น เพราะคงไม่มีใครอยากตาบอด หวังจะได้ยิน ไม่มีใคร อยากหูหนวก หวังจะได้กลิ่น หวังจะลิ้มรส และหวังจะกระทบสัมผัสแต่สิ่งดีๆ ซึ่งสมหวัง แล้วที่ได้เห็น แต่จะเห็นรูปที่ดีหรือไม่นั้น เป็นผลของกุศลและอกุศลที่ทำไว้แล้ว เลือกไม่ ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่ตัวเองได้ทำไว้แล้ว

ที่สำคัญคือ สมหวังที่ได้เห็นแล้ว จบหรือเปล่า ไม่จบ หวังเกิดต่อไปที่จะเห็น ได้ยิน ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะมีปัญญา เข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่ปรากฏเพราะเกิดแล้ว ประจักษ์ แจ้งลักษณะของเห็น ได้ยินเหล่านี้ว่า เป็นเพียงธรรมะที่เกิดปรากฏเพราะเหตุปัจจัย ไม่ ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เกิดแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาเกิดซ้ำอีกเลย แต่เมื่อไม่ยัง ไม่รู้ ก็ทำให้หวังต่อไปไม่สิ้นสุด สมหวังแล้วก็ยังไม่รู้ เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จำจากการบรรยายของท่านอาจารย์ได้แค่นี้ค่ะ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ขอเชิญ ท่านผู้รู้ช่วยกรุณาเพิ่มเติมให้กระจ่างขึ้นด้วยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
bsomsuda
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมนาในกุศลจิตของพี่แดงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ทุกคนเกิดมาแล้วก็หวังที่จะเห็น เพราะคงไม่มีใครอยากตาบอด..... ที่สำคัญคือ สมหวังที่ได้เห็นแล้ว จบหรือเปล่า ไม่จบ หวังเกิดต่อไปที่จะเห็น ได้ยิน ไม่สิ้นสุด จนกว่าจะมีปัญญา เข้าใจถูก เห็นถูกในสิ่งที่ปรากฏเพราะเกิดแล้ว....

...กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดงและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขณะนี้กำลังสมหวังหรือเปล่า..ถ้าไม่มีความหวังคงไม่มี สมหวังหรือผิดหวัง..ความผิดหวังเป็นความทุกข์หรือความสมหวังเป็นความสุขแต่เป็นความสุขที่แปรปรวนไม่คงที่เป็นสภาพที่เป็นทุกข์เช่นกัน โลภะแทรกในชีวิตประจำวันที่บางครั้งเนียนจนไม่รู้สึก..ขณะนี้กำลังสมหวังหรือเปล่าจึงเหมือนคำเตือนให้พิจารณาอกุศลที่ละเอียดที่บางครั้งเรียกว่าโลภะเล็กๆ ๆ ที่ถ้าไม่พิจารณาอาจสะสมเป็นโลภะที่มีกำลังเป็นกรรมบถได้....

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์กาญจนา ด้วยครับ อาจารย์ กาญจนาเรียบเรียงได้อย่างไพเราะ ลึกซึ้ง ให้ความเข้าใจธรรม ที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวันเพราะการกล่าวถึงทั้ง หวัง สมหวัง หวังต่อไปก็คือ การกล่าวถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
natural
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Boonyavee
วันที่ 4 เม.ย. 2556

เมื่อหวังเกิดก็เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติให้ระลึกรู้ว่าโลภะยังมีอยู่

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่แดงด้วยค่า

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 6 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Jans
วันที่ 7 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
rrebs10576
วันที่ 8 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
mon-pat
วันที่ 8 เม.ย. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
orawan.c
วันที่ 16 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ