ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๘๔

 
khampan.a
วันที่  31 มี.ค. 2556
หมายเลข  22711
อ่าน  1,181

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘๔]

--- ธรรมนี้ขาดการฟังไม่ได้เลย การฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคนั้น เป็นสิ่งที่มี ประโยชน์มาก เพราะว่าได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยฟัง พิจารณาติดตามต่อไปก็ย่อมจะได้ ความเข้าใจ แล้วก็ได้เหตุผลชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าศึกษาพระธรรมวินัย ก็จะหวั่นกลัว ต่อความเห็นผิด ความเข้าใจผิด กิเลสอกุศลทุกอย่างทุกประการไม่ว่าจะเล็กจะน้อย แม้ว่าจะเป็นการกล่าวคำไม่จริง เป็นสิ่งที่มีโทษมีภัย จะมากจะน้อยนั้นก็แล้วแต่ว่า ความเห็นผิดจะชักนำให้ประพฤติทุจริตร้ายแรงแค่ไหน ผลของกรรมก็ต้องมากมาย แค่นั้นด้วย

--- ควรจะต้องสำรวมกาย วาจา ใจ เจริญกุศลทุกประการ ไม่ให้เกิดความเห็นผิด ไม่ให้มีการพูดผิด หรือว่าไม่ให้มีการประพฤติผิด เพราะว่า เรื่องของการที่จะขัด เกลากิเลสจนกว่าจะบรรลุความเป็นอริยบุคคลนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องเจริญมากๆ บ่อยๆ เนืองๆ ด้วย

--- ขณะนี้มีธรรม ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังเลย จะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรม ที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้ ในเมื่อเป็นธรรม แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม ก็ย่อมไม่สมควร แก่การที่จะรู้ชัด รู้จริง รู้แจ้งในสภาพธรรม ได้ เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้มีความ ละเอียดยิ่งในการฟัง ในการศึกษา ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำ เพื่อความเข้าใจ ถูกเห็นถูกจริงๆ ในสิ่งที่กำลังฟัง

แต่ละขณะๆ นั้น มีประโยชน์ทั้งสิ้น จึงไม่ควรประมาทเพราะว่า กุศล คือ ปัญญา

แต่ละขณะๆ ที่เกิดขึ้นนั้นย่อมเป็นการสะสม เป็นปัญญา ที่คมกล้า ที่เพิ่มขึ้นๆ จน

กระทั่งเป็นปัญญา ในระดับที่สามารถละคลายกิเลสได้เป็นสมุจเฉท

ผู้ที่ศึกษาธรรม เข้าใจธรรมแล้ว จะไม่เห็นว่า ตนเองนั้นสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญ

คือ พระรัตนตรัยท่านเหล่านั้น จะไม่คิดว่า ตนเองเป็นใหญ่ไม่คิดว่าจะให้ใครๆ มา

กราบไหว้นับถือ เป็นครูบาอาจารย์ไม่คิดว่า เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะต้องมีศิษย์ หรือมีผู้มา

ฟังธรรม เป็นจำนวนมากๆ ท่านเหล่านั้น จะไม่คิดถึงตัวท่านเลย แต่จะคิดถึงพระธรรม

วินัย และคิดถึง พระรัตนตรัย เป็นใหญ่

ตราบใดที่ยังไม่ละทิ้งความเห็นผิดให้หมดสิ้นและยังไม่อบรมเจริญความเห็นถูก

ขึ้น ผู้นั้นก็จะต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ โดยที่ว่าไม่มีกาลกำหนดได้ ว่าเมื่อใด

จึงจะพ้นเพราะว่ายังมีความเห็นผิดอยู่

กิเลสมีมาก ไม่ใช่เพียงแค่ในชาตินี้ ชาติที่ผ่านๆ มาสะสมมามากเท่าไหร่แล้ว

และยังจะมากต่อไปอีก ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว

ยิ่งมีความเข้าใจถูกเห็นถูกเพิ่มขึ้น ก็ยิ่งมีความเคารพนอบน้อมในบุคคลผู้มีคุณ

มากขึ้นเท่านั้น

ยังไม่หมดหวัง เพราะยังมีโลภะ ซึ่งจะต้องมีหวัง สมหวัง ผิดหวังต่อไปใน

สังสารวัฏฏ์ตามเหตุปัจจัย ซึ่งมีเหตุมาจากอวิชชาความไม่รู้

อะไรที่จะทำให้หมดซึ่งความหวัง? (ปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง)

ขณะใดที่สติเกิดขึ้นเป็นไปนั้น ขณะนั้นอกุศลไม่เกิด ทุจริตกรรมประการต่างๆ

ไม่เกิด

ความเห็น ถ้าไม่ตรงตามเหตุตามผลตามความเป็นจริง ย่อมเป็นความเห็นที่

ผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

จะรู้ได้อย่างไรว่า ขณะใดเห็นถูก ขณะใดเห็นผิด ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระ

สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

ถ้าเห็นว่าโกหกเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไร ในที่สุดก็จะโกหก

มากขึ้นๆ พอกพูนอกุศลให้หนาแน่นมากยิ่งขึ้น

การที่อกุศลจะค่อยๆ ละคลายลงไปได้นั้น ก็ด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น

ธรรมคิดเอาเองไม่ได้ ถ้าคิดธรรมเอาเองได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คงไม่ต้อง

ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียด โดยประการทั้งปวง

อย่าไปคิดถึงเรื่องละ ถ้าไม่มีปัญญา

ไม่ต้องไปแสวงธรรมที่ไหน เพราะมีจริงทุกขณะ และธรรมที่มีจริงในขณะนี้

ปัญญาสามารถรู้ตามความเป็นจริงได้

จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ว่าจะจากส่วนใดของพระ

ไตรปิฎก ก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ หรือ

ไม่ใช่เพื่อเหตุอื่นใดเลย

จะต้องมีความอดทนจริงๆ ที่จะฟัง ที่จะศึกษาพระธรรม พิจารณาพระธรรม

แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้นตามความเป็นจริงในขณะนี้ ตามปกติ

ขณะที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ขณะนั้น ไม่เดือดร้อน

ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจ เข้าใจอะไร? เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง พิจารณา

ไตร่ตรอง จนเป็นความเข้าใจเพิ่มขึ้น.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๘๓ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๘๓

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- ถ้าไม่เข้าใจพระธรรม ก็คงจะเลื่อมใสจริงๆ ในพระพุทธศาสนาไม่ได้

เพราะเป็นแต่เพียงฟังคำบอกเล่า ตามๆ กันมาว่า พระผู้มีพระภาค ฯ เป็นบุคคล

ผู้ประเสริฐ ทรงดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท แต่เมื่อไม่ศึกษาว่า กิเลสอยู่ที่ไหน ขณะไหนเป็นกิเลส และจะดับกิเลสอย่างไร ก็ไม่รู้ว่าการเลื่อมใสจริงๆ

ในพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้นคือเลื่อมใสอย่างไร

- จิตที่เลื่อมใสจริงๆ ก็คือ เชื่ออย่างมั่นคงว่า พระผู้มีพระภาค ฯ ทรง

เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่ออนุเคราะห์สัตวโลก

ถึง
๔๕ พรรษา เมื่อเชื่อในพระปัญญาคุณจริงๆ ก็ย่อมจะฟังพระธรรม ศึกษา

พระธรรมให้เข้าใจ เพื่อจะได้อบรมเจริญปัญญา จนรู้แจ้งอริยสัจจธรรมตามที่

พระผู้มีพระภาค ฯ ได้ทรงแสดงไว้

- ถ้าศึกษาเรื่องราวของธรรม โดยไม่รู้ว่าธรรมอยู่ที่ไหน ก็จะไม่เจอ

ธรรมะเลย เพราะว่าเป็นการรู้เรื่องราวเท่านั้น เช่น ถ้าเปิดพระไตรปิฎก ไม่

ว่าจะเป็นพระสุตตันตปิฎก หรือ พระอภิธรรมปิฎก หรือแม้พระวินัยปิฎก เป็น

เรื่องราวทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าสภาพธรรมอยู่ตรงไหน แต่ถ้าเข้าใจว่าสภาพธรรม

มีอยู่เกิดปรากฏทุกขณะ ในชีวิตไม่ขาดธรรมะเลย ขณะที่เกิดก็เป็น

ธรรมะที่เกิด ขณะเห็นก็เป็นธรรมะที่เห็น ขณะคิดก็เป็นธรรมะที่คิด ก็จะ

เข้าใจได้ว่า การศึกษาธรรมะนั้น ไม่ใช่เพียงศึกษาเรื่องราวที่มีปรากฏใน

หนังสือ ในตำรา แต่เป็นการศึกษาเพื่อ เข้าใจในลักษณะของสภาพธรรม

เดี๋ยวนี้ ซึ่งเป็นธรรม

- การฟังธรรม ศึกษาธรรม เพื่อที่จะให้เข้าใจธรรมที่ละเอียด จำเป็น

ที่จะต้องมีความรู้ความเข้าใจตั้งแต่เบื้องต้น เพราะว่าถ้าพูดถึงเรื่องวิปัสสนา

เป็นปัญญาขั้นสูงสุดในพระพุทธศาสนา อันทำให้บุคคลผู้รู้แจ้งสภาพธรรม

สามารถที่จะดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท ซึ่งกิเลสมีมากเหลือเกิน เพราะ

ฉะนั้น ถ้าไม่มีปัญญาจริงๆ ก็ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ การฟังธรรมทุก

ครั้ง ก็เพื่อให้เกิดความเห็นถูก ซึ่งเป็นปัญญา และจะต้องเป็นไปตามลำดับ

ขั้นด้วย

- ชาวพุทธโดยทั่วไป ถ้าจะกล่าวแล้ว ก็ต้องขออภัยที่ใช้คำซึ่งอาจจะ

ทำให้ท่านคิด และพิจารณาว่า เป็นความจริงหรือไม่ ที่ว่า ชาวพุทธส่วน

ใหญ่ยังไม่เข้าใจพุทธศาสนา ถ้าพูดอย่างนี้ บางท่านอาจจะคิดว่าไม่สมควร

เพราะท่านก็ไปวัดได้ฟังพระธรรม และได้อ่านหนังสือธรรมบ้างแล้ว แต่ที่

กล่าวอย่างนี้ก็เพราะ มีข้อที่ควรใคร่ครวญพิจารณาว่า พระธรรมที่พระผู้มี

พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่

เราเพียงฟังเท่านั้น หรือว่าจะต้องศึกษาอย่างมากจริงๆ จึงจะเข้าใจพระ

ธรรมอย่างถูกต้องได้

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เข้าใจ
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณ และกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
บรรพต
วันที่ 31 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 31 มี.ค. 2556

อะไรที่จะทำให้หมดซึ่งความหวัง? (ปัญญาที่เข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง)

จะรู้ได้อย่างไรว่า ขณะใดเห็นถูก ขณะใดเห็นผิด ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระ

สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

- ชาวพุทธโดยทั่วไป ถ้าจะกล่าวแล้ว ก็ต้องขออภัยที่ใช้คำซึ่งอาจจะ

ทำให้ท่านคิด และพิจารณาว่า เป็นความจริงหรือไม่ ที่ว่า ชาวพุทธส่วน

ใหญ่ยังไม่เข้าใจพุทธศาสนา ถ้าพูดอย่างนี้ บางท่านอาจจะคิดว่าไม่สมควร

เพราะท่านก็ไปวัดได้ฟังพระธรรม และได้อ่านหนังสือธรรมบ้างแล้ว แต่ที่

กล่าวอย่างนี้ก็เพราะ มีข้อที่ควรใคร่ครวญพิจารณาว่า พระธรรมที่พระผู้มี

พระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่

เราเพียงฟังเท่านั้น หรือว่าจะต้องศึกษาอย่างมากจริงๆ จึงจะเข้าใจพระ

ธรรมอย่างถูกต้องได้

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.เผดิม อย่างยิ่งค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
bsomsuda
วันที่ 31 มี.ค. 2556

"แต่ละขณะๆ นั้น มีประโยชน์ทั้งสิ้น

จึงไม่ควรประมาทเพราะว่า กุศล คือ ปัญญา

แต่ละขณะๆ ที่เกิดขึ้นนั้นย่อมป็นการสะสม เป็นปัญญา ที่คมกล้า ที่เพิ่มขึ้นๆ

จนกระทั่งเป็นปัญญา ในระดับที่สามารถละคลายกิเลสได้เป็นสมุจเฉท"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.ผเดิม และทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ธนัตถ์กานต์
วันที่ 1 เม.ย. 2556

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ผู้ที่ศึกษาธรรม เข้าใจธรรมแล้ว จะไม่เห็นว่า ตนเองนั้นสำคัญแต่สิ่งที่สำคัญ

คือ พระรัตนตรัยท่านเหล่านั้น จะไม่คิดว่า ตนเองเป็นใหญ่ไม่คิดว่าจะให้ใครๆ มา

กราบไหว้นับถือ เป็นครูบาอาจารย์ไม่คิดว่า เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะต้องมีศิษย์ หรือมีผู้มา

ฟังธรรม เป็นจำนวนมากๆ ท่านเหล่านั้น จะไม่คิดถึงตัวท่านเลย แต่จะคิดถึง พระธรรม

วินัย และคิดถึง พระรัตนตรัย เป็นใหญ่... ขออนุโมทนาธรรมเตือนใจสั้นๆ คะ..

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
kinder
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
j.jim
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
jaturong
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Wisaka
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณคำปั่น และคุณเผดิม

มากมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
natural
วันที่ 1 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
rrebs10576
วันที่ 2 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
orawan.c
วันที่ 3 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
boonpoj
วันที่ 4 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
pornpaon
วันที่ 11 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ