พระธาตุบอกความเป็นอรหันต์ใช่ไหม

 
ขอฟังธรรม
วันที่  24 มี.ค. 2556
หมายเลข  22671
อ่าน  2,933

อยากทราบว่า พระธาตุที่เกิดขึ้นจากกรณีพระปฎิบัตินั้น สามารถบอกความเป็นอรหันต์ได้จริงหรือไม่ ความเชื่อนี้ถูกต้องหรือไม่ตามหลักธรรมมะของพระพุทธเจ้า หรือเพียงแค่บอกถึงคุณธรรมบางอย่างเท่านั้นครับ ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธาตุ ก็คือ ส่วนที่เป็นกระดูกที่เกิดจากการเผาศพแล้ว เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้นจึงจะมีพระธาตุ มีกระดูกที่เกิดจากการเผาศพ แม้ปุถุชนก็มีกระดูกที่เป็นธาตุ คือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ประชุมรวมกันที่เป็นรูปธาตุด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่ากระดูกของใครที่ควรจะเคารพ สักการะ ควรแก่การบูชา ก็ต้องสรีระ กระดูกของผู้ที่มีคุณธรรม มีพระอริยเจ้าขั้นต่างๆ ทั้งพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และ พระอรหันต์ พระอัครสาวก พระปัจเจกพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอันเป็นผู้ควรแก่การบูชาด้วยการระลึกถึงพระคุณ แต่ไม่ใช่เพื่อการได้ลาภ สักการะ เป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น จึงไม่ได้มีความเป็นพิเศษว่ากระดูกของผู้มีคุณธรรมจะต้องมีสีสันต่างๆ แปลกๆ ที่สมมติว่าอย่างนี้คือพระธาตุ เพราะพระธาตุในความหมายที่อธิบายแล้ว ก็คือ การประชุมของสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม เป็นรูปธาตุเท่านั้น

ที่สำคัญ ไม่ได้หมายความว่า คุณธรรมจะวัดกันที่รูปร่างลักษณะของกระดูกที่สมมติว่าเป็นพระธาตุ เพราะคุณธรรมเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา แต่ต้องเห็นได้ด้วยปัญญา ส่วนกระดูกที่สมมติว่าเป็นพระธาตุ ก็เป็นเพียงสี สิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้นครับ เพราะคุณธรรมคือ ปัญญา เป็นคุณธรรมภายใน ที่รู้ได้ด้วยปัญญา ด้วยการสนทนา เป็นต้นครับ

ปัญญาคุณธรรมต่างหาก เป็นตัวตัดสินว่า ผู้ใดมีคุณธรรม หรือ ไม่มีคุณธรรม ไม่ใช่เพียงลักษณะภายนอกของสิ่งหลงเหลืออยู่จากร่างกายที่ปราศจากจิต วิญญาณ

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 453

ข้อความบางตอนจาก ชฎิลสูตร

[๓๕๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์เป็นคฤหัสถ์บริโภคกาม ครอบครองเรือน บรรทมเบียดพระโอรสและพระชายา ทาจุรณจันทน์อันมาแต่แคว้นกาสี ทรงมาลาของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีเงินและทอง ยากที่จะรู้เรื่องนี้ว่า คนพวกนี้เป็นพระอรหันต์ หรือคนพวกนี้บรรลุอรหัตมรรค……… ดูก่อนมหาบพิตร ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา ก็ปัญญานั้นจะพึงรู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้ใส่ใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้.


เพราะฉะนั้น การเห็นเป็นพระธาตุ ตาเพียงเห็นสีเท่านั้น ซึ่งเพียงสิ่งที่ปรากฎทางตา ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าจะเป็นพระอรหันต์ มีคุณธรรมอย่างไร เพียงแค่สีที่ปรากฎ แต่การเห็นด้วยตา คือ ปัญญา ย่อมสามารถแยะแยะความจริงได้ว่า ผู้นั้นมีคุณธรรมอย่างไร เพราะ คุณธรรม เป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม ไม่สามารถเห็นด้วยตาเนื้อ แต่เห็นด้วยปัญญา ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

ประโยชน์ของการเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด มีสรีระที่ปราศจากวิญญาณที่เรียกว่ากระดูก เป็นต้น เพื่อการระลึกถึงความจริงของชีวิตว่า แม้เราก็ไม่พ้นจากความตาย ควรที่จะไม่ประมาทกับชีวิต จึงเจริญกุศล อบรมปัญญา เท่าที่ชีวิตที่เหลืออยู่ในขณะที่เกิดเป็นมนุษย์ เพราะไม่ว่าใครก็ไม่พ้นจากความตาย การเห็นด้วยการพิจารณาอย่างนี้ ย่อมจะเป็นประโยชน์กับชีวิตที่สุด ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าไม่มีปัญญาย่อมไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย ยิ่งไม่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่มีทางที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้เลย

เมื่อละจากโลกนี้ไป ร่างกายมีวิญญาณไปปราศแล้วหาประโยชน์มิได้ ในที่สุดก็จะต้องเน่าเปื่อยผุพังไม่ช้าก็เร็ว เป็นเพียงรูปธรรมที่เกิดเพราะอุตุเท่านั้น สิ่งที่ควรจะได้พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง คือ - ในขณะนี้กำลังมีชีวิตอยู่ ก็ควรที่จะรู้ความจริงว่า วันหนึ่งเราก็จะต้องตาย ตายเหมือนกับคนที่ตายไปแล้วนั่นแหละ จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง แต่ในขณะที่กำลังมีชีวิตอยู่ ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า การที่จะจากโลกนี้ไปนั้น จะจากไปด้วยปัญญาที่อบรมจนกระทั่งเจริญขึ้น หรือว่าจะจากไปโดยที่ว่าไม่สนใจฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาเลย?

ขณะนี้ทุกคนมีร่างกายซึ่งเป็นที่รักที่พอใจ อีกไม่นานร่างกายนี้ก็จะเน่าเปื่อยผุพัง แล้วชาติหน้าจะมีรูปร่างกายจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับว่า การกระทำทางกาย ทางวาจา เป็นไปด้วยอำนาจของอกุศลที่ครอบงำย่ำยีจิตใจหรือไม่ ที่จะทำให้ร่างกายในชาติต่อไปพิกลพิการ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ไม่น่าดู หรือจนกระทั่งทำให้ถึงความเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์นรก เป็นสัตว์ดิรัจฉาน ซึ่งก็เป็นเรื่องของขณะจิตที่เร็วมาก เร็วยิ่งกว่ากระพริบตาก็สามารถเปลี่ยนสภาพความเป็นบุคคลนี้ทั้งหมด จากการเป็นมนุษย์ในสุคติภูมิไปสู่อบายภูมิได้ถ้าเป็นผู้ตั้งอยู่ในความประมาทมัวเมา แต่สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมตามระดับขั้นของความเข้าใจของตนเอง

ดังนั้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้วเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง และจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ใฝ่ใจศึกษา เห็นประโยชน์ พร้อมทั้งมีความจริงใจที่จะน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อละคลายขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เท่านั้น ดังนั้น แทนที่จะไปคิดถึงเรืองอื่น ก็ควรจะได้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะเข้าใจได้ ก็ด้วยการฟัง การศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ขอฟังธรรม
วันที่ 24 มี.ค. 2556

สาธุ ขอบคุณที่ไขข้อสงสัย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ในพระไตรปิฎกไม่ได้แสดงไว้ว่าพระธาตุสีต่างๆ แสดงถึงความเป็นพระอรหันต์ ปุถุชนก็เพียงแต่เดา เพราะไม่มีใครล่วงรู้ได้นอกจากพระพุทธเจ้า ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nopwong
วันที่ 24 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
boonpoj
วันที่ 23 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 23 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Kok
วันที่ 8 ม.ค. 2563

สาธุ สาธุ สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ