เจตสิกในอกุศลจิต

 
gboy
วันที่  12 มี.ค. 2556
หมายเลข  22611
อ่าน  1,885

ขอเรียนถามเกี่ยวกับเจตสิกในอกุศลจิตครับ

1. อกุศลจิตทุกดวง จำเป็นต้องมีอุทธัทจะประกอบด้วยทุกครั้งหรือไม่

2. โลภมูลจิตที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุต จำเป็นต้องมีมานะประกอบทุกครั้งหรือไม่

3. โทสะมูลจิต มีโทสะอย่างเดียวโดยไม่ต้องมีอิสสามัจฉริยะ กุกกุจจะประกอบก็ได้ใช่หรือไม่

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1. อกุศลจิตทุกดวง จำเป็นต้องมีอุทธัทจะประกอบด้วยทุกครั้งหรือไม่

ความฟุ้งซ่านเป็นธรรมะที่มีจริง เป็นเจตสิกธรรม จะเรียกว่าอุทธัจจะเจตสิกซึ่งเป็นภาษาบาลี ไม่ใช่เพียงรู้จักแต่ชื่อ ควรจะให้เข้าใจถึงลักษณะจริงๆ ของธรรม อุทธัจจเจตสิกเป็นอกุศลสาธารณะเจตสิกซึ่งเกิดกับอกุศลจิตทุกประเภท อกุศลสาธารณเจตสิกมี ๔ ดวง ได้แก่ โมหเจตสิก อหิริกเจตสิก อโนตตัปปะ และอุทธัจจเจตสิก ขณะที่อกุศลจิตเกิด ขณะนั้นมีโมหเจตสิกที่ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง มีอหิริกเจตสิก ที่ไม่ละอายต่ออกุศลธรรม มีอโนตัปปเจตสิก ที่ไม่เกรงกลัวต่อภัยของอกุศลธรรม และอุทธัจจเจตสิก ความฟุ้งซ่านเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นจิตไม่สงบจะเป็นโลภะหรือโทสะ ความฟุ้งซ่านก็เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งขอเพิ่มเติมในรายละเอียดของ อุทธัจจะเจตสิก ที่แสดงถึงลักษณะความฟุ้งซ่านดังนี้

สำหรับอุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน เกิดกับอกุศลจิตทุกๆ ประเภท ดังนั้น ขณะใดที่อกุศลจิตเกิด ขณะนั้นฟุ้งซ่านแล้ว แม้เพียงเล็กน้อย ซึ่งในพระไตรปิฎกก็อธิบายอุทธัจจะว่า คือ ความไม่สงบแห่งจิต อกุศลเพียงเล็กน้อย แม้เป็นโมหมูลจิตที่ประกอบด้วยอุทธัจจะ ขณะนั้นจิตไม่สงบด้วยอำนาจอกุศล เพราะฉะนั้น คำว่า อุทธัจจะ จึงมีความหมายหลากหลายนัย ทั้งความฟุ้งซ่าน และ ความไม่สงบแห่งจิต ความซัดส่ายแห่งจิตในขณะนั้น แม้เพียงเล็กน้อย ที่เป็นอกุศล ก็ชื่อว่าไม่สงบ เพราะอกุศลไม่ทำให้สงบจากนิวรณ์ กิเลส และฟุ้งไปด้วยอำนาจกิเลสที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงไม่ได้หมายความว่า ความฟุ้งซ่านที่เป็นอุทธัจจะ จะต้องเป็นการคิดเป็นเรื่องราวหลายๆ เรื่อง จะเป็นความฟุ้งซ่านที่หมายถึงอุทธัจจะ แต่แม้อกุศลจิตที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ยังไม่ได้คิดเป็นเรื่องราวมากมาย หลายๆ เรื่องก็เป็นอุทธัจจะด้วยความหมายความไม่สงบแห่งจิตนั่นเอง ครับ ซึ่งพระอรหันต์เท่านั้นที่จะละอุทธัจจะเจตสิกได้


2. โลภมูลจิตที่เป็นทิฏฐิคตวิปปยุต จำเป็นต้องมีมานะประกอบทุกครั้งหรือไม่

มานเจตสิก เป็นเจตสิกที่สำคัญตน ทะนงตน เกิดได้กับโลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ๔ ดวง โลภมูลจิตทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ๔ ดวงนั้น บางวาระก็มีมานเจตสิกเกิดร่วมด้วย บางวาระก็ไม่มีมานเจตสิกเกิดร่วมด้วย มานเจตสิกจะดับเป็นสมุจเฉทไม่เกิดอีกเลย เมื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอรหัตตบุคคล

ซึ่งโลภะที่ไม่ประกอบด้วยความเห็นผิด ไม่จำเป็นจะต้องมีมานะเจตสิกเกิดร่วมด้วย เช่น ขณะที่ชอบอาหาร ไม่ได้มีลักษณะเปรียบเทียบว่าเราดีกว่าเขา เป็นต้น ที่เป็นมานะ ครับ ขณะที่เพียงชอบ ติดข้องในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง และ ไม่ได้มีความเห็นผิด ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีมานะเจตสกิเกิดร่วมด้วย ตามที่กล่าวมา ครับ


3. โทสะมูลจิต มีโทสะอย่างเดียวโดยไม่ต้องมีอิสสา มัจฉริยะ กุกกุจจะประกอบก็ได้ใช่หรือไม่

ถูกต้อง ครับ ขณะที่ไม่สบายใจ เช่น ขณะที่เศร้าโศกเสียใจ ขณะนั้นไม่ได้ริษยา เป็นต้น ในขณะนั้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 13 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
gboy
วันที่ 13 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 13 มี.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ไม่ใช่เป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะความเป็นจริงของธรรม เป็นอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น อกุศลจิตเกิดขณะนั้นไม่สงบเพราะมีสภาพธรรมที่เป็นความไม่สงบแห่งจิต คือ อุทธัจจะเกิดร่วมด้วย ซึ่งจะถูกดับหมดสิ้นเมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์

-อกุศลจิตประเภทที่มีโลภะเกิดร่วมด้วยนั้น มีความหลากหลาย ทั้งที่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย และไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ความติดข้องมีเป็นปกติอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน ถ้ามีความสำคัญตน มีความเปรียบเทียบเกิดขึ้นขณะนั้นเป็นมานะที่เกิดร่วมกับโลภะ โดยที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย

-จิตที่มีโทสะเป็นมูลจะไม่ปราศจากโทสะเลย มีโทสะเกิดร่วมด้วยตลอดซึ่งเป็นความขุ่นเคืองใจไม่ชอบในอารมณ์นั้นๆ และเวทนาที่เกิดร่วมด้วยต้องเป็นโทมนัสเวทนาเท่านั้น

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 13 มี.ค. 2556

1. ขณะที่อกุศลจิตเกิด มีอุทธัทจะเกิดร่วมด้วยทุกครั้ง

2. ไม่จำเป็น เป็นโลภะที่ไม่มีมานะเกิดร่วมก็ได้

3. ถูกต้องค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
natural
วันที่ 13 มี.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
gboy
วันที่ 14 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
gboy
วันที่ 15 มี.ค. 2556

ขอเรียนถามเพิ่มเติมครับว่า โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙ จะต้องเกิดพร้อมกันหรือไม่ครับ และกรณีเจริญกรุณาภาวนาต้องมีกรุณาเจตสิกร่วมกับอโทสเจตสิกหรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 15 มี.ค. 2556

โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙....ชื่อก็บอกอยู่แล้ว ว่า "สาธาณะ" คือทั่วไปกับโสภณจิตทุกดวง ซึ่งประกอบไปด้วยเจตสิก ๑๙ ประเภท เกิดร่วมกันและเกิดพร้อมกันกับจิต กรุณาเจตสิก เป็นโสภณเจตสิกก็จริง แต่ไม่ใช่โสภณสาธารณเจตสิก จึงไม่เกิดกับโสภณจิตทุกดวงเหมือนอโทสเจตสิก (เมตตา) ดังนั้นขณะใดที่กรุณาเจตสิกเกิดจะต้องมีอโทสเจตสิก และ โสภณสาธารณเจตสิกอีก ๑๘ ดวงเกิดร่วมด้วยทุกครั้งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
gboy
วันที่ 16 มี.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 18 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ