เป็นอกุศลกรรมหรือไม่

 
นิรมิต
วันที่  19 ก.พ. 2556
หมายเลข  22515
อ่าน  1,929

กราบสวัสดีท่านวิทยากรและมิตรธรรมที่เคารพทุกท่าน

มีความสงสัยอยากจะขอเรียนถามว่าในเรื่องกรณีดังต่อไปนี้จักเป็นอกุศลกรรมหรือไม่

1.มีคนกระทำการแกล้งให้ตกใจ เช่น คนกำลังกวาดพื้นอยู่ ถูกเพื่อนแกล้งหยอกล้อให้อีกฝ่ายตกใจ อีกฝ่ายที่กำลังกวาดพื้นอยู่ ด้วยความตกใจ ไม่ทันจะรู้หรือไม่ทันจะคิดทำร้าย ก็มีการไหวมือเอาไม้ฟาดเพื่อนตายด้วยความตกใจ โดยที่ไม่มีเจตนาฆ่าจะชื่อว่าเป็นปาณาติบาตหรือไม่ เพราะกระทำด้วยโทสะเหมือนกัน แต่เจตนาฆ่าไม่มี

2.พระพุทธรูป หรือหนังสือ หรือรูปภาพปฏิทินต่างๆ ที่มีรูปพระพุทธรูปอยู่บนนั้น เมื่อมีเยอะเกินไป เกินความจำเป็น ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน จึงนำไปทิ้ง นำไปทำลาย แต่ไม่ใช่ด้วยเจตนากระทำพระศาสนาให้เสื่อม จะชื่อว่าบาปหรือไม่ และควรหรือไม่ เพราะบางครั้งมันก็เยอะเกินความจำเป็นจริงๆ จะเก็บก็ไม่รู้จะเก็บไว้ที่ไหน จะให้ก็ไม่ทราบจะให้ใคร หรืออะไรทำนองนั้น

3.ชาวต่างชาติที่ไม่ได้รู้จักพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า มาซื้อเศียรพระ เอาไปประดับบ้าน ด้วยคิดว่า ของสิ่งนี้สวยดี เป็นต้น หรือข่าวที่มีชาวต่างชาตินำรูปพระพุทธรูป ไปติดโน่นติดนี่ หรือสักบนตัว หรือบางกรณีก็อาจจะมีนำไปกระทำในสิ่งไม่ถูกไม่ควร จนชาวพุทธไทยเมื่อทราบก็สะเทือนใจอย่างยิ่ง แต่เขาก็กระทำไปด้วยคิดว่า เป็นรูปที่สวยดี ไม่ได้มีจิตดูหมิ่น หรือดูถูก และไม่ได้รู้ว่าพระพุทธเจ้าคือใคร และไม่ได้ทราบว่าพระพุทธรูปนี้เป็นสิ่งแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คิดเพียงว่า รูปนี้สวยดี จะชื่อว่ากระทำการดูหมิ่น กระทำการดูถูก เป็นอกุศลกรรมหรือไม่ อย่างไรครับ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1.มีคนกระทำการแกล้งให้ตกใจ เช่น คนกำลังกวาดพื้นอยู่ ถูกเพื่อนแกล้งหยอกล้อให้อีกฝ่ายตกใจ อีกฝ่ายที่กำลังกวาดพื้นอยู่ ด้วยความตกใจ ไม่ทันจะรู้ หรือไม่ทันจะคิดทำร้าย ก็มีการไหวมือเอาไม้ฟาดเพื่อนตาย ด้วยความตกใจ โดยที่ไม่มีเจตนาฆ่า จะชื่อว่าเป็นปาณาติบาตหรือไม่ เพราะกระทำด้วยโทสะเหมือนกัน แต่เจตนาฆ่าไม่มี

- บาป ไม่บาป สำคัญที่เจตนา แต่จะต้องละเอียด ถึงเจตนาในขณะนั้นอีกครับว่ามีเจตนาอะไร อย่างไร ขณะที่ถูกเพื่อนล้อแล้วตกใจ มือไปเหวี่ยงโดนเพื่อนตายด้วยอกุศลจิต คือ โทสะมูลจิต เจตนาในขณะนั้น มีเจตนาที่ฆ่าเพื่อนไหม ไม่มี เมื่อไม่มี แม้ทำด้วยจิตที่เป็นโทสะ ประเภทเดียวกัน แต่โทสะในลักษณะที่ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่เป็นโทสะที่เจตนาเหวี่ยงมือไป เพราะอาศัยความตกใจที่เป็นโทสะ แต่ไม่ได้มีเจตนาฆ่าในขณะนั้น ไม่เป็นปาณาติบาต ครับ

2.พระพุทธรูป หรือหนังสือ หรือรูปภาพปฏิทินต่างๆ ที่มีรูปพระพุทธรูปอยู่บนนั้น เมื่อมีเยอะเกินไป เกินความจำเป็น ไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน จึงนำไปทิ้ง นำไปทำลาย แต่ไม่ใช่ด้วยเจตนากระทำพระศาสนาให้เสื่อม จะชื่อว่าบาปหรือไม่ และควรหรือไม่ เพราะบางครั้งมันก็เยอะเกินความจำเป็นจริงๆ จะเก็บก็ไม่รู้จะเก็บไว้ที่ไหน จะให้ก็ไม่ทราบจะให้ใคร หรืออะไรทำนองนั้น

- บาป ไม่บาป สำคัญที่เจตนาอีกเช่นกัน รูปภาพพระพุทธรูป เจตนาเอาไปทิ้ง ไม่ได้เจตนาลบหลู่ จิตต่างกัน เมื่อไม่มีเจตนาที่เป็นไปในทางทุจริต เบียดเบียน ก็ไม่เป็นบาป ส่วนความควร ไม่ควร เป็นอีกประเด็นหนึ่ง หากรูปนั้นเยอะเกินไป ก็ควรเก็บอย่างดีและให้สำหรับ ทำรีไซเคิล เช่น เก็บไว้ เพื่อร้านขายของเก่ามาซื้อก็จะเป็นประโยชน์ ไม่ไปทิ้งลงขยะ ที่จะดูไม่ดี ก็ได้ ครับ

3.ชาวต่างชาติที่ไม่ได้รู้จักพระพุทธศาสนา ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า มาซื้อเศียรพระ เอาไปประดับบ้าน ด้วยคิดว่า ของสิ่งนี้สวยดี เป็นต้น หรือข่าวที่มีชาวต่างชาติ นำรูปพระพุทธรูป ไปติดโน่นติดนี่ หรือสักบนตัว หรือบางกรณีก็อาจจะมีนำไปกระทำในสิ่งไม่ถูกไม่ควร จนชาวพุทธไทยเมื่อทราบก็สะเทือนใจอย่างยิ่ง แต่เขาก็กระทำไปด้วยคิดว่า เป็นรูปที่สวยดี ไม่ได้มีจิตดูหมิ่น หรือดูถูก และไม่ได้รู้ว่า พระพุทธเจ้าคือใคร และไม่ได้ทราบว่าพระพุทธรูปนี้เป็นสิ่งแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คิดเพียงว่ารูปนี้สวยดี จะชื่อว่ากระทำการดูหมิ่น กระทำการดูถูก เป็นอกุศลกรรมหรือไม่ อย่างไรครับ?

- เหมือนกับนก ไม่รู้ว่าสถานที่นี้ เป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วถ่ายอุจจาระลงไป นกไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น และ ไม่รู้ว่าเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อไม่มีเจตนาทุจริตดูหมิ่น ก็ไม่บาป ต่างจากผู้ที่รู้อยู่ว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และ มีเจตนาดูหมิ่น ทำสิ่งที่ไม่สมควร ย่อมเป็นบาป เพราะ มีเจตนาดูหมิ่นลบหลู่ ครับ โดยนัยเดียวกันกับชาวต่างประเทศ ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่น แต่สำคัญว่าเป็นรูปที่สวย จึงเอามาติด เจตนาลบหลู่ไม่มี แต่ประเด็น เรื่องควรหรือไม่นั้น ก็อีกประเด็น เพราะการทำในสิ่งที่ไม่ควร ไม่ได้หมายความว่า จะมีเจตนาทุจริตลบหลู่ครับ แต่หากเขารู้ และต้องการหยามหมิ่นด้วยเจตนาลบหลู่ จึงเอามาติดไว้ให้เหมือนของต่ำทั่วไป เจตนาต่างกันแล้ว ถ้าเจตนาอย่างนี้บาป ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ใฝ่รู้
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 19 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็น ครับ

บิดาของธิดาช่างหูกเกิดความโกรธไม่พอใจที่ลูกสาวเดินทางมาช้า เลยใส่กระสวยอย่างแรง กระสวยพุ่งไปทิ่มที่ท้องของนาง แล้วนางสิ้นชีวิต บิดาไม่ได้มีเจตนาฆ่า บิดาก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กระทำอกุศลกรรมที่เป็นปาณาติบาตเพราะไม่ได้มีเจตนาฆ่า สำคัญที่เจตนาจริงๆ แม้แต่ในประเด็นคำถามก็เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นการกระทำไปด้วยอกุศลที่เป็นความตกใจ แต่ก็ไม่มีเจตนาที่จะฆ่าให้ผู้อื่นตาย ก็ไม่เป็นปาณาติบาต

จากเหตุการณ์ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า สิ่งใดที่ไม่ควร ก็ไม่ควรที่จะกระทำ เพราะการกระทำในสิ่งที่ไม่ดีประการต่างๆ แม้จะเล็กน้อยเพียงใด ย่อมไม่ควร นอกจากจะเป็นการเพิ่มอกุศลให้กับตนเองแล้ว ก็ยังเป็นเหตุให้คนอื่นเกิดอกุศลไปด้วย เพราะต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ที่ยังมีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรที่จะประมาทเลย

เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ ผู้มีความละเอียดก็ย่อมจะสามารถพิจารณาได้ว่า จะทำอย่างไร จะเก็บไว้ หรือ จะมอบให้คนอื่น ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าสิ่งใดที่ทำไปแล้ว เกิดความไม่สบายใจ ก็ไม่ทำ ควรที่จะกระทำเฉพาะสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง เหมาะควร เท่านั้น และประเด็นที่น่าพิจารณา คือ การทำลายพระพุทธศาสนา ผู้ที่ทำลายพระพุทธศาสนา คือ ผู้บิดเบือนพระธรรมคำสอน กล่าวในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสว่าตรัส กล่าวในสิ่งที่พระองค์ตรัสว่าไม่ได้ตรัส เป็นต้น

ที่จะไม่เป็นคนทำลายพระพุทธศาสนา ก็ต้องเป็นผู้ที่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง รักษาพระพุทธศาสนาด้วยความเข้าใจของแต่ละคน

ตราบใดที่ยังมากไปด้วยความไม่รู้ ก็ย่อมมีการกระทำอะไรต่างๆ ด้วยความไม่รู้มากมาย ถ้าหากเขาได้ศึกษาพระธรรม ได้รู้ความจริง ก็คงจะไม่มีการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน เพราะในคำสอนทางพระพุทธศาสนา จะไม่มีพระพุทธพจน์แม้แต่บทเดียว ที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เป็นอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย การดูหมิ่นลบหลู่ในลักษณะต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเป็นชาวพุทธผู้ที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ก็ย่อมจะเข้าใจถึงการสะสมของแต่ละบุคคล ว่าเป็นไปตามการสะสม แทนที่จะโกรธ แทนที่จะไม่พอใจ ก็ไม่โกรธ เพราะเข้าใจเขาในพฤติกรรมนั้นๆ ของเขา และยังเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับตนเองอีกด้วย ที่จะเป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป เพราะกิเลสนี้เองที่เป็นเหตุให้กระทำในสิ่งที่ไม่ควร มากหลาย ตามกำลังของกิเลส ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 20 ก.พ. 2556

ไม่มีเจตนา ไม่เป็นอกุศลกรรมบถ แต่เป็นอกุศลจิต เพราะ จิตเศร้าหมอง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
นิรมิต
วันที่ 20 ก.พ. 2556

ขออนุโมทนา และขอกราบขอบพระคุณท่านวิทยากรเป็นอย่างสูงครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
รากไม้
วันที่ 23 ก.พ. 2556

เห็นกล่าวกันมากว่า "กระทำสิ่งที่ไม่ดี โดยไม่มีเจตนาที่จะกระทำ" ประเด็นนี้ต้องไม่ลืมว่า เจตนาเจตสิก เกิดกับจิตทุกดวง ดังนั้นทุกๆ ขณะจิตที่เกิดดับอย่างรวดเร็วนั้นมีเจตนาที่จะกระทำทั้งสิ้น แต่ว่าแยกเป็น 2 อย่าง คือเจตนาที่เป็นฝ่ายกุศล ซึ่งเป็นฝ่ายดี เมื่อกระทำไปแล้วย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลเป็นความผ่องใส ไม่เกิดความขุ่นมัวในภายหลัง ฯลฯ , กับ ฝ่ายอกุศล ซึ่งเป็นฝ่ายไม่ดี เมื่อกระทำไปแล้วย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลเป็นความเศร้าหมอง เกิดทุกข์ภายหลัง ฯลฯ ...ขณะจิตที่บันดาลโทสะ ฆ่าผู้อื่นด้วยความพลั้งเผลอ อกุศลจิตขณะนั้นเกิดดับอย่างรวดเร็วมากสุดประมาณ และมีกำลังมากด้วย ถ้าปัญญาไม่มีกำลัง สติไม่มีกำลัง จิตมีอหิริกะ อโนตตัปปะ กุศลจิตใดๆ ก็เกิดแทรกคั่นได้ยากมากหรือไม่ได้เกิดเลย ยากที่จะเกิดสติระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าการกระทำอย่างนี้ไม่ควรทำและควรละเว้นเสียให้หมด เพราะมีทั้งฉันทะที่จะกระทำอกุศลกรรมที่สะสมไว้ในกาลก่อน (ที่สะสมไว้ในจิต) และมีอวิชชาปิดบังไว้อีกด้วย ไม่ให้ล่วงรู้ความจริงใดๆ เลย ...การจะรู้จักถึงเจตนาของแต่ละขณะจิตได้ จะต้องอบรมจนมีปัญญาที่ละเอียดเหนือกว่าปุถุชนธรรมดาทั่วไป ไม่มีอวิชชาปิดบังความจริง และต้องเป็นผู้ปกติเจริญสติปัฏฐานจึงจะรู้ "สภาพธรรมตามความเป็นจริง...จริงๆ " ได้ว่าเจตนาเป็นกุศลหรือว่าอกุศลกันแน่ สำคัญว่าจะต้องเป็นของจริง โดยความซื่อตรงต่อสภาพธรรมะ ไม่หลอกลวงตนเองว่าอกุศลกรรมที่ทำไปแล้วนั้นเป็นกุศลกรรม เพียงเพื่อความสบายใจว่าไม่ได้ทำบาป , แล้วก็ต้องเป็นอินทรีย์พละที่มีกำลังมากระดับนึง จึงจะวิรัติอกุศลกรรมได้ทั้งหมด ด้วยการละหรือสลัดทิ้งอกุศลเจตนาที่ประกอบด้วยฉันทะ ความพึงพอใจที่จะกระทำอกุศลนั้นๆ ที่เกิดขึ้นเป็นอกุศลชวนที่มีกำลัง ให้ตัดขาดลงไปได้

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Pure.
วันที่ 25 ก.พ. 2556

* ขอร่วมแสดงความคิดเห็นแบบชาวพุทธครับ *

จากข้อ 3 ผมว่านักท่องเที่ยวรู้ว่าสัญญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาคืออะไร เพียงแต่ไม่ใช่ศาสนาที่พวกเขาเคารพนับถือจึงกระทำลงไปในลักษณะและกิริยาต่างๆ กับสิ่งที่พุทธศาสนิกชนเคารพนับถือดั่งที่เป็นข่าวอยู่เสมอมา โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าการกระทำนั้นผิดหรือถูกดั่งที่ท่านว่าไม่มีเจตนา ดังนั้นในกรณีอย่างนี้ต้องเป็นหน้าที่ของบริษัทการท่องเที่ยวและททท.จะต้องหาทางแนะนำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้รู้จักวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยและพุทธว่า สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ โดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งที่เห็นสมควรครับ.

อนุโมทนาบุญครับ.

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ