ความเชื่อเกี่ยวกับเหล็กไหล

 
nasza
วันที่  13 ธ.ค. 2555
หมายเลข  22167
อ่าน  3,373

อยากจะถามว่า เหล็กไหล คืออะไร มีจริงหรือ ดียังไงและปัจจุบันมีคนมากมายแสวงหาสิ่งนี้ โดยหลอกลวงบ้าง ถูกหลอกบ้าง ผู้เขียนอยากจะให้ท่านที่พอรู้เรื่องนี้อธิบาย เพื่อให้คนอื่นๆ ที่สนใจหัวข้อนี้จะได้แจ่มแจ้ง เพราะมันกึ่งความเชื่อ และความงมงาย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nasza
วันที่ 13 ธ.ค. 2555

และ ทำไมคนถึงยึดติดจัง

ขอบพระคุณ

อนุโมทนาด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เพราะมากไปด้วยความไม่รู้ สะสมความเห็นผิดไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นผู้ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จึงทำให้มีการยึดถืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง ถือมงคลตื่นข่าว โดยยึดถือผิดว่าสิ่งที่ตนเองยึดถือนั้น จะเป็นที่พึ่งช่วยให้เกิดในสิ่งที่ดี ให้พ้นภัยอันตรายต่างๆ เป็นต้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้วจะเป็นที่พึ่งไม่ได้เลย นอกจากจะเพิ่มความไม่รู้ เพิ่มความเห็นผิดและกิเลสประการต่างๆ เพิ่มมากยิ่งขึ้น

ที่ยังมีการเชื่อถืออย่างนั้น ก็เพราะไม่ได้เข้าใจความจริง ถ้าเข้าใจว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน ไม่มีสิ่งใดที่จะดลบันดาลทำให้สิ่งที่ดีหรือไม่ดี เกิดขึ้นกับตนเองได้ นอกจากเหตุคือกรรมที่ได้กระทำแล้วเท่านั้นถึงคราวให้ผล ก็จะทำให้ไม่ไปงมงายในสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งมีความจริงใจที่จะฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง ให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสทั้งหลายมีความเห็นผิด และความไม่รู้เป็นต้น

แต่ละคนมีการสะสมมาที่แตกต่างกัน คนที่เห็นผิด งมงาย ไม่ได้มีเฉพาะในยุคนี้สมัยนี้เท่านั้น เป็นมาแล้วทุกยุคทุกสมัย ก็เป็นสิ่งที่ควรจะได้พิจารณาว่า คนอื่นเขาจะไม่ดีอย่างไร งมงายอย่างไร ก็เป็นเรื่องของบุคคลคนนั้น (ไม่ควรไปเดือดร้อนกับความประพฤติไม่ดีของบุคคลอื่น) แต่เราจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่จะเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป และไม่ประมาทในการเจริญกุศลในชีวิตประจำวัน กล่าวโดยสรุปได้ว่า ควรที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมกุศล ต่อไป ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่ครับ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงหรือ ดลบันดาลให้ใครต่อใครดีชั่วได้

พรหมลิขิต

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 13 ธ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเ้จ้าพระองค์นั้น

เหล็กไหล คือ ความเชื่ออย่างหนึ่งที่สำคัญว่า มีธาตุ วัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ มีอำนาจอันเป็นวัตถุที่สามารถลนไฟได้ และ ยืดออกได้ และ มีเทวดา วิญญาณ สิงสถิตอยู่ และผู้ใดครอบครองสามารถป้องกันอันตรายต่างๆ ได้

สำหรับในสัจจะความจริง ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น ความจริง คือ จิต เจตสิก รูปและนิพพาน จิต เจตสิกเป็นสภาพธรรมที่รู้ ส่วน รูป คือ สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร มีก้อนหิน ดินทราย เป็นต้น เพราะฉะนั้น เหล็กไหล ก็ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นแต่เพียง รูปธรรม คือ เป็นการประชุมรวมกันของสภาพธรรมที่เป็นรูป คือ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นต้น ดังนั้นเมื่อเป็นแต่เพียงรูปธรรม เป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย จึงไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือ พิเศษอะไรที่จะสามารถป้องกันภัยอันตรายได้ และการที่วัตถุนั้น ยืดหดได้ ก็เป็นเพียง สภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม ที่มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติของสภาพธรรมนั้น สิ่งที่มีจริง จึงไม่ใช่เหล็กไหล แต่เป็นรูปธรรมที่เป็น ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นต้น ครับ

ส่วนการจะได้รับภัยอันตราย หรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่วัตถุภายนอกที่เป็นรูปธรรม แต่อยู่ที่กรรมของแต่ละบุคคลว่า กรรมใดจะให้ผล หากกรรมดีให้ผล ก็ย่อมได้รับสิ่งที่ดีไม่ได้อยู่ที่วัตถุภายนอก และ หากกรรมไม่ดีให้ผล แม้สิ่งที่เป็นวัตถุภายนอก ก็ไม่สามารถป้องกันภัยอันตรายที่เกิดจากรรมได้ เพราะ สัตว์ทั้งหลายมีกรรม เป็นของๆ ตน

สิ่งที่เป็นที่พึ่ง เครื่องป้องกันภัยอันตราย คือ กุศลธรรม ความดีประการต่างๆ เพราะภัยอันตรายมาจากไหน หากไม่ใช่ภัยที่อยู่ภายในจิตใจ คือ กิเลสที่เกิดขึ้นในจิตแต่ละขณะ เป็นภัย แล้วภัยภายนอกที่ได้รับสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ ก็มีสาเหตุมาจากภัยภายใน ศัตรูภายในที่เป็นกิเลสเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้น แทนที่จะหาวัตถุภายนอก มาป้องกันภัยอันตราย ก็ควรแสวงหา สิ่งที่จะละต้นเหตุ คือภัยภายใน นั่นคือ กุศลธรรม ปัญญาอันเป็นธรรมที่ป้องกันภัย อันตราย คือกิเลส

พระพุทธเจ้า จึงทรงแสดงธรรม เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจความจริงที่เกิดขึ้น คือเกิดปัญญาของตนเอง ปัญญาที่เกิดขึ้น จะทำให้มีการกระทำทางกาย วาจาและใจที่ถูกต้อง ย่อมจะทำให้ไม่เกิดภัย เพราะไม่ทำภัย คือ อกุศลกรรม ครับ

ส่วนเหตุที่สัตว์ทั้งหลาย หลงงมงาย ยึดติดกันมาก ก็เพราะว่า สัตว์โลกมากไปด้วยกิเลส มากไปด้วยความไม่รู้ และมากไปด้วยความติดข้อง เพราะฉะนั้น จึงแสวงหารูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัสที่น่าพอใจ เมื่อไม่มีปัญญาเข้าใจความจริง จึงแสวงหาหนทางที่ผิด ด้วยความไม่รู้ว่าจะได้สิ่งต่างๆ ป้องกันภัยอันตราย ด้วยวัตถุภายนอกเป็นสำคัญ นี่ก็เพราะกิเลส ความไม่รู้และไม่มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง สิ่งที่ควรพิจารณาว่า แม้แต่ รูปธรรม ที่สมมติว่าเป็นเหล็กไหล ยังไม่สามารถพ้นจากความตาย คือความเกิดขึ้นและดับไปและเสื่อมสลายไปในที่สุด ดังนั้น จะสามารถป้องกันภัยอันตรายให้กับสัตว์โลกได้อย่างไร เพราะก็ต้องเสื่อมสลายไปตามธรรมดาของตนเช่นกัน ควรมีที่พึ่ง คือ ปัญญา ความเข้าใจพระธรรม ซึ่งจะมีได้ก็ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านตรงนี้

สรณะ [ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท]

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nasza
วันที่ 19 ธ.ค. 2555

ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับตามธรรมดา

ของทุกสิ่งไม่สามารถเอาไปได้

ไม่ต้องยึดติดดีที่สุด

อนุโมทนาด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ