ถามเพิ่มเติม

 
gavajidham
วันที่  4 ต.ค. 2555
หมายเลข  21833
อ่าน  918

กระบวนการของจิตที่มีเจตนาเปลี่ยนการรับรู้ ตัวอย่างเช่นทางตา-เห็นสี-เป็นสีฟ้า แต่กระบวนการของจิตมีเจตนาต้องการให้เห็นเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่ สีฟ้า กระบวนการของจิตลักษณะอย่างนี้ ในภาษาธรรม เรียกชื่อว่าอะไร, มีอะไรเป็นเหตุปัจจัย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรมที่รู้สิ่งที่ปรากฏทางตา คือ จิตเห็นหรือที่เรียกว่า จักขุวิญญาณ ทำหน้าที่รู้ รู้สีที่เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ซึ่งขณะที่รู้สี ไม่ว่าสีใด สีหนึ่ง ไม่สามารถเปลี่ยนลักษณะของสีนั้นได้ คือ ถ้าจะเห็นเป็นลักษณะที่บัญญัติว่าเป็นสีฟ้า ก็ต้องเห็นเป็นลักษณะสี ที่เป็นสีฟ้า ไม่สามารถจะเปลี่ยนเป็นลักษณะ นิมิตที่เป็นสีน้ำเงินได้ ครับ เมื่อวิบากจิต ที่เป็นจักขุวิญญาณเกิดขึ้นรับรู้อารมณ์ที่เป็นสี ลักษณะอย่างไรก็ต้องเป็นลักษณะอย่างนั้น ขณะที่รู้ลักษณะที่เป็นสีฟ้า ก็ต้องเป็นสีฟ้า แม้ไม่ได้เรียกชื่อ เพราะขณะนั้นยังไม่มีชื่อ ยังไม่รู้ว่าเป็นสิ่งหนึ่ง สิ่งใด มีแต่ลักษณะสีฟ้าที่กำลังปรากฏ ครับ แต่เมื่อมีเจตนาต้องการให้เห็นเป็นสีน้ำเงิน นี่คือ ขณะนั้นคิดนึกแล้ว หลังจากเห็นลักษณะสีฟ้า เกิดจิตที่คิดนึกทางมโนทวารที่เกิดทางชวนจิตที่เกิดโลภะ ต้องการที่จะอยากเห็นเป็น สีน้ำเงิน เพราะฉะนั้น เพราะอาศัย เหตุ คือ โลภะ ที่เกิดขึ้น ต้องการเห็นเป็นสีน้ำเงิน ซึ่ง เจตนาที่ต้องการเห็นเป็นสีน้ำเงิน ภาษาธรรม เรียกว่า โลภะ ซึ่งเป็นความยินดี พอใจ ติดข้อง ต้องการในสิ่งนั้นที่เกิดที่ชวนจิต ทางมโนทวาร คือ ขณะที่คิดนึกทางใจ หลังจากที่เห็น เป็นสีฟ้าแล้ว ครับ

ซึ่งเจตนาต้องการอยากเห็นเป็นสีน้ำเงินนั้น ก็เป็นโลภะ แต่ ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนลักษณะของจิตที่เห็นสีฟ้าไปเป็นสีน้ำเงิน ตามโลภะ ตามความต้องการที่จะเห็นสีน้ำเงินได้ เพราะ เป็นเรื่องของวิบากจิต ที่ไม่เปลี่ยนลักษณะว่าเมื่อเห็นเป็นสีฟ้าก็ต้องเห็นเป็นสีฟ้า

นี่คือ ตัวอารมณ์ ไม่เปลี่ยนลักษณะ แต่สามารถคิดนึกเอาเองได้ครับว่า นี่เป็นสีน้ำเงิน โดยการนึกคิดที่เป็นสมมติบัญญัติ โดยคิดเอาเองตามการปรุงแต่งของแต่ละคนที่สะสมมาไม่เหมือนกัน จึงสำคัญ สีฟ้า ว่าเป็นสีน้ำเงินได้ โดยคิดนึกเป็นเรื่องราว แต่ในความเป็นจริงลักษณะของสีฟ้าไม่เปลี่ยน ไปตามความคิดนึก เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ครับ

นี่คือความละเอียดของสภาพธรรมและของจิต ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
gavajidham
วันที่ 5 ต.ค. 2555
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 5 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สภาพธรรมเป็นจริงอย่างไรก็เป็นจริงอย่างนั้น จักขุวิญญาณ (จิตเห็น) เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม เป็นจิตเห็น เมื่อจิตเห็นเกิดขึ้นก็ต้องทำกิจหน้าที่เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น คือ เห็นเพียงสี เท่านั้น สีเพียงกระทบจักขุปสาทะ และเป็นปัจจัยให้วิถีจิตทางตาเกิดขึ้นเป็นไปเท่านั้น มีอายุเพียงแค่ ๑๗ ขณะของจิตแล้วก็ดับไป แต่พอวิถีจิตทางตาเกิดขึ้นแล้วดับไป ก็ต้องมีวิถีจิตทางใจเกิดขึ้น มีการคิดถึงรูปร่างสัณฐานต่างๆ ตามความจำ ซึ่งก็ล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 5 ต.ค. 2555

สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสีเท่านั้น สีคือรูปารมณ์ที่ต่างกัน ถ้าเห็นเป็นสีฟ้า หรือสีน้ำเงิน ฯลฯ ก็เป็นคิด ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏทางตา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
gavajidham
วันที่ 12 ต.ค. 2555

และการที่มีเจตนาคิดนึกให้เป็นสีน้ำเงินซึ่งถ้าเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ยังคงเป็นตัวโลภะอีกหรือไม่

- กระบวนการของจิตเช่นนี้คืออะไร

- วัตถุประสงค์เพื่ออะไร

- ควบคุมด้วยอะไร และ ควบคุมอย่างไรเพื่อจะไม่เกิดขึ้นมาอีกหรือปรับแก้ได้ทัน

ขอขอบคุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 12 ต.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"เพราะอาศัยเหตุ คือ โลภะ ที่เกิดขึ้น ต้องการ ยินดีพอใจ

เห็นเป็นสีน้ำเงิน ซึ่ง เจตนาที่ต้องการเห็นเป็นสีน้ำเงิน ภาษาธรรม เรียกว่า โลภะ"

"เมื่อจิตเห็นเกิดขึ้นก็ต้องทำกิจหน้าที่ เพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น

คือ เห็นเพียงสี เท่านั้น"

"ถ้าเห็นเป็นสีฟ้า หรือสีน้ำเงิน ฯลฯ ก็เป็นคิด ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏทางตา ค่ะ"

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 13 ต.ค. 2555

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ที่สำคัญ อบรมเหตุ คือ ปัญญาเพื่อรู้ความจริงว่า แม้ขณะที่คิดเป็นสีน้ำเงินนั้น คิดมีจริง เป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ