ผู้ไม่ควรล่วงฐานะ ๙

 
pirmsombat
วันที่  26 ก.ย. 2555
หมายเลข  21790
อ่าน  1,017

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๑- หน้าที่ 279

ว่าด้วยผู้ไม่ควรล่วงฐานะ ๙

[๑๑๗] ดูก่อนจุนทะ ข้อนั้นเป็นฐานะที่จะมีได้ คือการที่พวก

ปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงกล่าวอย่างนี้ว่า พวกสมณะศากยบุตร เป็นผู้มี

ธรรมไม่ตั้งมั่นแล้ว. ดูก่อนจุนทะ พวกเธอควรกล่าวกะพวกปริพาชก

อัญญเดียรถีย์ ผู้มีวาทะอย่างนี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ธรรมทั้งหลายอันพระ

ผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้ทรงเห็น ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง

แสดงแล้ว ทรงบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลาย เป็นธรรมอันพวกสาวกไม่ควร

ก้าวล่วงตลอดชีวิต มีอยู่แล. ดูก่อนผู้มีอายุ เสาเขื่อนหรือเสาเหล็กมีราก

อันลึก ปักไว้ดีแล้ว ไม่หวั่นไหว ไม่สั่นสะเทือน ฉันใด ธรรมทั้งหลาย

อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงรู้ทรงเห็น ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงแสดงแล้ว ทรงบัญญัติแล้ว แก่สาวกทั้งหลาย เป็นธรรมอันสาวกไม่

ก้าวล่วงตลอดชีวิต ฉันนั้นเหมือนกันแล. ดูก่อนผู้มีอายุ ภิกษุใด เป็น

พระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว

ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นแล้ว เป็น

ผู้พันแล้วเพราะรู้ชอบ ภิกษุนั้นไม่ควรประพฤติล่วงฐานะ ๙ ประการ.

ดูก่อนผู้มีอายุ ภิกษุผู้เป็นขีณาสพ

ไม่ควรจงใจปลงสัตว์จากชีวิต

ไม่ควรถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้ให้ ซึ่งนับว่าเป็นขโมย

ไม่ควรเสพเมถุน

ไม่ควรกล่าวคำเท็จทั้งที่รู้

ไม่ควรบริโภคกามที่ทำความสั่งสม เหมือนอย่างตนเป็นผู้ครองเรือนในกาลก่อน

ไม่ควรถึงฉันทาคติ

ไม่ควรถึงโทสาคติ

ไม่ควรถึงโมหาคติ

ไม่ควรถึงภยาคติ.

ดูก่อนผู้มีอายุ ภิกษุใดเป็นพระอรหันตขีณาสพ

อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว

ปลงภาระได้แล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้ว มีสังโยชน์ในภพหมดสิ้นแล้ว

เป็นผู้พันแล้ว เพราะความรู้ชอบ ภิกษุนั้น เป็นผู้ไม่ควรประพฤติล่วง

ฐานะ ๙ ประการเหล่านี้.

[๑๑๘] ดูก่อนจุนทะ ข้อนั้นเป็นฐานะที่จะมีได้ คือการที่

ปริพาชกอัญญเดียรถีย์ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมปรารภกาลนาน

ที่เป็นอดีต บัญญัติญาณทัสสนะอันหาฝั่งมิได้ แต่หาได้ปรารภกาลนานที่

เป็นอนาคต บัญญัติญาณทัสสนะอันหาฝั่งมิได้ไม่ เพราะเหตุไรจึงทรง

บัญญัติเช่นนั้น การที่ทรงบัญญัติเช่นนั้น เป็นอย่างไรเล่า. พวกปริพาชก

อัญญเดียรถีย์เหล่านั้น ย่อมสำคัญสิ่งที่พึงบัญญัติอันไม่ใช่ญาณทัสสนะ. ซึ่ง

เป็นอย่างอื่นด้วยญาณทัสสนะซึ่งเป็นอย่างอื่น เหมือนคนโง่ ไม่ฉลาด

ฉะนั้น.

ดูก่อนจุนทะ สตานุสาริญาณ ปรารภกาลนานที่เป็นอดีต ย่อม

มีแก่ตถาคต ย่อมระลึกได้ตลอดกาล มีประมาณเท่าที่ตนหวัง และญาณ

อันเกิดแต่ความตรัสรู้ ย่อมเกิดขึ้นแก่ตถาคต เพราะปรารภกาลนานที่เป็น

อนาคตว่า ชาตินี้มีในที่สุด บัดนี้ภพใหม่ย่อมไม่มี ดังนี้.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 26 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pirmsombat
วันที่ 27 ก.ย. 2555

ขอบพระคุณและอนุโมทนา คุณผู้ร่วมเดินทางและทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 27 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kinder
วันที่ 27 ก.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 1 ต.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ