ให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต

 
พิมพิชญา
วันที่  17 มิ.ย. 2555
หมายเลข  21265
อ่าน  5,023

ให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต หมายความว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต คือ การให้ทานที่อาศัยการให้ทานนั้นเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลขั้นสูง คือ การได้ฌาน หรือ การเจริญวิปัสสนา ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ให้ทาน แล้วสติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ให้ทาน ปัญญาเกิดในขณะที่ให้ทานนั้น ชื่อว่า เป็นการให้ทานประดับปรุงแต่งจิต คือ ประดับปรุงแต่งจิตให้ถึงการสิ้นกิเลส อันเป็นการให้ทานสูงสุด ประเสริฐที่สุด ครับ เพราะเป็นการให้ทานเพื่อเป็นไปพร้อมกับปัญญา และเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นในกุศลอื่นๆ และเป็นไปเพื่อประดับจิตให้สูงขึ้น จนดับกิเลสได้นั่นเองครับ นี่คือการให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต ประดับด้วยเจตสิกที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน สติปัฏฐานเกิดขณะที่ให้ทาน ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต [ทานสูตร]

เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ที่นี่ครับ

ให้ทานเพื่อปรุงแต่งจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
edu
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 17 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าทานกุศลในชีวิตประจำวันไม่เกิดเลย จะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร การเจริญกุศลก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลส กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง

แม้ในขณะที่ให้ทาน ไม่ใช่ให้เพื่อหวังผลเป็นสิ่งตอบแทนจากการให้ เป็นต้น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ความตระหนี่ ถ้าเป็นผู้ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ก็จะทำให้เห็นอกุศลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง แล้วเริ่มขัดเกลากิเลสของตนเอง และเป็นผู้ที่เข้าใจในเหตุในผลมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนั้น การเจริญกุศลเพื่อหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับแล้ว การเจริญกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในขั้นของทาน (การให้ สละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อันเป็นการสละซึ่งความตระหนึ่) ขั้นของศีล (งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และประพฤติในสิ่งทีดีงาม) ขั้นของภาวนา (การอบรมเจริญความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญาที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) ย่อมเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nong
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พิมพิชญา
วันที่ 18 มิ.ย. 2555

ขอบพระคุณมากค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 20 มิ.ย. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 5 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
worrasak
วันที่ 7 ก.ค. 2558

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Witt
วันที่ 17 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Chatupon
วันที่ 18 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Sea
วันที่ 22 ต.ค. 2564

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ